“ทริพเพิล ไอ” ปักธงมาร์เก็ตแคปหมื่นล. เร่งปิดดีลต่อยอดธุรกิจ

เว็บไซต์หุ้นสมาร์ท (29 พฤษภาคม 2561) “ทริพเพิล ไอ” ปักธง 3 ปี มาร์เก็ตแคป 1 หมื่นล้าน ตั้งเป้าซื้อกิจการ-ควบรวมปีละ 1 ดีล เร่งปิดดีลซื้อกิจการต่อยอดธุรกิจ “ทิพย์” ชี้ธุรกิจครึ่งปีหลังแจ่ม นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (III ) เปิดเผยว่า บริษัท ตั้งเป้า 3 ปี นับจากเข้าตลาดหลักทรัพย์ หรือภายในปี 2563 มีมูลค่าตลาดรวม 1 หมื่นล้านบาท เป็นความท้าทายในกรอบเวลา แต่คิดว่ามีความเป็นไปได้ นายทิพย์ กล่าวว่า หลังจากระดมทุนเข้าตลาดหลักทรัพย์ บริษัทมีเงินทุนเพียงพอในการซื้อหรือควบรวมกิจการเพื่อต่อยอดธุรกิจให้เติบโตต่อเนื่อง โดยแต่ละปีมีเป้าหมายซื้อหรือควบรวม อย่างน้อยปีละ 1 ดีล สำหรับปีนี้ มีการเจรจาดีล 1-2 ดีล เป็นบริษัทโลจิสติกส์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ลักษณะธุรกิจที่เจรจาลงทุน สัดส่วนการถือหุ้นต้องมีนัยสำคัญในการเข้าร่วมบริหารร่วมกับผู้ถือหุ้นเดิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า บริษัท III เปิดดำเนินงานกว่า 20 ปี ภาพรวมธุรกิจไม่เคยขาดทุน และไม่ได้ลงทุนสินทรัพย์มาก ปกติธุรกิจครึ่งปีหลัง ดีกว่าครึ่งปีแรก ซึ่งปีหลัง 2561 นี้ก็เช่นกัน โดยมาจากธุรกิจทุกประเภท โดยเฉพาะธุรกิจการขนส่งทางเรือเติบโตเกือบ 100 % จากฐานที่ไม่ใหญ่มาก และได้ลูกค้าสายเรือใหม่เข้ามาเพิ่มยอดขายและกำไร สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1 ที่ออกมา หากเปรียบเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนลดลง แต่ถ้าเปรียบเทียบไตรมาส 4 จะเห็นว่ายอดขายเติบโตขึ้น และไตรมาส 2 มีทิศทางดีขึ้น จากธุรกิจบริหารจัดการคลังสินค้าท่าอากาศยานดอนเมืองต้นปี 2561 สัญญาบริหารเอ็กซ์คลูซีฟ 5 ปี “ หากเปรียบเทียบกำไรสุทธิ ไตรมาสแรก กับช่วงเดียวกันปี 2560 กำไรจะลดลง แต่ถ้าเปรียบเทียบกับไตรมาส 4 /2560 จะเห็นว่าบริษัทมียอดขายและกำไรที่ดีขึ้น ซึ่งไตรมาสแรกการเปิดธุรกิจบริหารคลังสินค้าในสนามบินดอนเมือง เป็นช่วงการลงทุนและบริษัทกำลังเร่งบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตอนนี้เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นต่อเนื่อง “ นายทิพย์ กล่าวและว่า เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเทียบเงินดอลลาร์สหรัฐ บริษัทไม่ได้ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน แต่มาร์จิ้นหายไปเฉลี่ย 3 บาท ส่วนราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น ไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัท เนื่องจากมีการปรับขึ้นค่าขนส่งกับลูกค้า   ที่มา : https://www.hoonsmart.com/archives/8220
Read more...

ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (iii) โชว์รายได้ Q1 เติบโต 12.6% สายเรือใหม่ ริเชา คลังสินค้าทางอากาศ ช่วยเพิ่มยอดขาย คาดดันยอดปีนี้โต 15-20%

บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) (iii) ผู้นำธุรกิจโลจิสติกส์แบบครบวงจรของไทย โชว์ผลประกอบการไตรมาส 1/ 2561 ทำรายได้ 603 ล้านบาท เติบโต 12.6% ทุกกลุ่มธุรกิจยังมีแนวโน้มขยายตัว  โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าทางทะเลและทางอากาศ คาดทั้งปีเติบโต 15-20% นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ iii เปิดเผยว่า “สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2561 สิ้นสุด 31 มีนาคม 2561 บริษัทฯ มีรายได้รวม 603 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 535.5 ล้านบาท จากรายได้ที่เพิ่มขึ้น ในทุกกลุ่มธุรกิจของบริษัท และในไตรมาสนี้บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% จากกำไรสุทธิ 20.1 ล้านบาทในไตรมาส 4 ปี 2560 แต่ลดลงจากกำไรสุทธิ 40.3 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2560โดยมีปัจจัยที่ส่งผลให้อัตรากำไรลดลง ได้แก่ ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูเอสดอลล่าร์ และมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มมากขึ้น อันเนื่องมาจากการลงทุนและค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นในการจัดตั้งคลังสินค้าในระยะแรก ซึ่งเป็นช่วงเตรียมความพร้อม ทั้งด้านบุคลากร อุปกรณ์และเครื่องมือในการทำงานให้ได้มาตรฐาน นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายที่สูงเกินจริงจากซัพพลายเออร์บางราย ซึ่งขณะนี้บริษัทฯ กำลังเร่งบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงมีการเจรจาต่อรองและหาทางเลือกอื่นๆ เพื่อควบคุมให้ค่าใช้จ่ายเป็นไปตามที่วางแผนไว้ แม้ว่ากำไรสุทธิในไตรมาสนี้จะลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา แต่ถ้าดูจากจำนวนการขนส่งสินค้าที่ผ่านคลังสินค้าของเราที่ดอนเมือง จะเห็นว่ามีปริมาณสินค้ามากกว่าที่คาดไว้ถึง 25% ซึ่งหากเรามีการบริหารต้นทุนที่ดี เชื่อว่ากลางปีนี้จะมีภาพรวมรายได้ที่ดีขึ้นและเป็นไปตามที่บริษัทฯ ตั้งเป้าไว้” iii เป็นผู้นำธุรกิจโลจิสติกส์แบบครบวงจร ให้บริการการขนส่งสินค้าทั้งทางอากาศ ทางทะเล ทางบก ขนส่งเคมีภัณฑ์และรับบริหารงานโลจิสติกส์ โดยในไตรมาส 1 ปีนี้ รายได้รวมของบริษัทฯ มาจาก ธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศ 487 ล้านบาท หรือ 70.9% มาจากธุรกิจขนส่งสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ 133 ล้านบาท หรือ 19.4% มาจากธุรกิจขนส่งสินค้าทางทะเลและทางบก 28.9 ล้านบาท หรือ 4.2% และมาจากธุรกิจรับบริหารงานโลจิสติกส์ 34.7 ล้านบาท หรือ 5% “รายได้ของกลุ่มธุรกิจขนส่งทางอากาศซึ่งเป็นธุรกิจหลักเติบโตถึง 13 % เนื่องจาก บริษัทฯได้เริ่มให้บริการคลังสินค้าระหว่างประเทศ ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งปัจจุบันคาดว่าบริษัทฯ มีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 85% นอกจากนี้ ปริมาณการขนส่งทางอากาศ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังการปลดล็อคของ ICAO อีกทั้งกลุ่มพันธมิตรหลักของบริษัทฯ คือ สายการบินแอร์เอเชีย และ สายการบินแอร์เอเชีย เอ็กซ์ มีการเพิ่มเส้นทางบินและเที่ยวบิน จึงทำให้มีปริมาณการขนส่งที่เพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันธุรกิจขนส่งทางเรือเติบโตสูง 58.8% เนื่องจากบริษัทฯมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนเพียงรายเดียว (Exclusive Agent) ในประเทศไทยของสายการเดินเรือ ริเชา (Rizhao Shipping Lines) ซึ่งเป็นสายการเดินเรือรัฐวิสาหกิจของจีนโดยเส้นทางการให้บริการครอบคลุม ประเทศจีน เวียดนามและไทย ซึ่งถือเป็นการขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายให้กับบริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ รายได้และกำไรการจากการขายพื้นที่ระวางสินค้าของบริษัทร่วมทุนและบริษัทย่อยได้เติบโตขึ้น จากปริมาณการค้าและการส่งออกและนำเข้าที่ขยายตัวตามสภาวะเศรษฐกิจโลกและจากโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก รวมไปถึงกลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง” บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ iii มีทุนจดทะเบียน 302.25 ล้านบาท เป็นผู้นำในการให้บริการโลจิสติกส์ที่ครอบคลุมทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ 1. ธุรกิจการขนส่งสินค้าทางอากาศ (Air Freight) 2. ธุรกิจการขนส่งสินค้าทางทะเลและทางบก (Sea Freight and Inland Transport) 3. ธุรกิจการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ การบริหารคลังสิน และการกระจายสินค้า (Logistics Management) และ 4. ธุรกิจโลจิสติกส์ครบวงจรสำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ (Chemical & Specialty Logistics) โดยมีบริษัทในเครือทั้งหมด 24 บริษัท และมีฐานลูกค้าเป็นบริษัทมหาชน และบริษัทไทยจำนวนมาก
Read more...

ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ โชว์รายได้ Q1 เติบโต 12.6%

www.lokwannee.com (May 9, 2018) นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ iii เปิดเผยว่า “สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2561 สิ้นสุด 31 มีนาคม 2561 บริษัทฯ มีรายได้รวม 603 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.6%  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 535.5 ล้านบาท จากรายได้ที่เพิ่มขึ้น ในทุกกลุ่มธุรกิจของบริษัท และในไตรมาสนี้บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% จากกำไรสุทธิ 20.1 ล้านบาทในไตรมาส 4 ปี 2560 แต่ลดลงจากกำไรสุทธิ 40.3 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2560โดยมีปัจจัยที่ส่งผลให้อัตรากำไรลดลง ได้แก่ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูเอสดอลล่าร์และมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มมากขึ้นอัเนื่องมาจากการลงทุนและค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นในการจัดตั้งคลังสินค้าในระยะแรก ซึ่งเป็นช่วงเตรียมความพร้อม ทั้งด้านบุคลากร อุปกรณ์และเครื่องมือในการทำงานให้ได้มาตรฐาน นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายที่สูงเกินจริงจากซัพพลายเออร์บางราย ซึ่งขณะนี้บริษัทฯ กำลังเร่งบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงมีการเจรจาต่อรองและหาทางเลือกอื่นๆ เพื่อควบคุมให้ค่าใช้จ่ายเป็นไปตามที่วางแผนไว้ แม้ว่ากำไรสุทธิในไตรมาสนี้จะลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา แต่ถ้าดูจากจำนวนการขนส่งสินค้าที่ผ่านคลังสินค้าของเราที่ดอนเมือง จะเห็นว่ามีปริมาณสินค้ามากกว่าที่คาดไว้ถึง 25% ซึ่งหากเรามีการบริหารต้นทุนที่ดี เชื่อว่ากลางปีนี้จะมีภาพรวมรายได้ที่ดีขึ้นและเป็นไปตามที่บริษัทฯ ตั้งเป้าไว้” iii เป็นผู้นำธุรกิจโลจิสติกส์แบบครบวงจร ให้บริการการขนส่งสินค้าทั้งทางอากาศ ทางทะเล ทางบก ขนส่งเคมีภัณฑ์และรับบริหารงานโลจิสติกส์ โดยในไตรมาส 1 ปีนี้ รายได้รวมของบริษัทฯ มาจาก ธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศ 487 ล้านบาท หรือ 70.9% มาจากธุรกิจขนส่งสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ 133 ล้านบาท หรือ 19.4% มาจากธุรกิจขนส่งสินค้าทางทะเลและทางบก 28.9 ล้านบาท หรือ 4.2% และมาจากธุรกิจรับบริหารงานโลจิสติกส์ 34.7 ล้านบาท หรือ 5% “รายได้ของกลุ่มธุรกิจขนส่งทางอากาศซึ่งเป็นธุรกิจหลักเติบโตถึง 13 % เนื่องจาก บริษัทฯได้เริ่มให้บริการคลังสินค้าระหว่างประเทศ ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งปัจจุบันคาดว่าบริษัทฯ มีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 85% นอกจากนี้ ปริมาณการขนส่งทางอากาศ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังการปลดล็อคของ ICAO อีกทั้งกลุ่มพันธมิตรหลักของบริษัทฯ คือ สายการบินแอร์เอเชีย และ สายการบินแอร์เอเชีย เอ็กซ์ มีการเพิ่มเส้นทางบินและเที่ยวบิน จึงทำให้มีปริมาณการขนส่งที่เพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันธุรกิจขนส่งทางเรือเติบโตสูง 58.8% เนื่องจากบริษัทฯมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนเพียงรายเดียว (Exclusive Agent) ในประเทศไทยของสายการเดินเรือ ริเชา (Rizhao Shipping Lines) ซึ่งเป็นสายการเดินเรือรัฐวิสาหกิจของจีนโดยเส้นทางการให้บริการครอบคลุม ประเทศจีน เวียดนามและไทย ซึ่งถือเป็นการขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายให้กับบริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ รายได้และกำไรการจากการขายพื้นที่ระวางสินค้าของบริษัทร่วมทุนและบริษัทย่อยได้เติบโตขึ้น จากปริมาณการค้าและการส่งออกและนำเข้าที่ขยายตัวตามสภาวะเศรษฐกิจโลกและจากโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก รวมไปถึงกลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง   From : http://www.lokwannee.com/web2013/?p=306262
Read more...