III โชว์กำไรนิวไฮ Q1/64 ทะยาน 244% เตรียมปรับเป้าปีนี้โต 30%
“ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์” หรือ III โชว์ผลประกอบการไตรมาสแรก ปี 64 ทุบสถิติกำไรสูงสุด 77.50 ล้านบาท ทะยาน 244% จากงวดปีก่อน รายได้รวม 633.10 ล้านบาท ผลสำเร็จจากปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ พัฒนาธุรกิจใหม่รับกับสถานการณ์เปลี่ยนแปลง ประเมินไตรมาส 2/64 โตต่อเนื่อง เตรียมปรับเป้าเติบโตปี 64 จากเดิม 15% เป็นโตไม่ต่ำกว่า 30%
นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III ผู้นำโลจิสติกส์ครบวงจรของไทย เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/2564 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 77.5 ล้านบาท เติบโต 54.9 ล้านบาท หรือ 244% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนและเติบโต 60.4% จากไตรมาสก่อนหน้า แม้บริษัทฯ ยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 ในกลุ่มธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศระหว่างประเทศ แต่รายได้ยังเติบโตจากทุกกลุ่มธุรกิจ โดยมีรายได้รวม 633.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.3% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่ม 22.3% จากจากไตรมาสก่อน
โดยการเพิ่มขึ้นของรายได้หลักๆ มาจากกลุ่มธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศ ซึ่งให้บริการขนส่งในรูปแบบ Cargo Flight ตั้งแต่ในช่วงไตรมาส 4/2563 ได้รับผลตอบรับดีต่อเนื่อง และกลุ่มโลจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ที่มีปริมาณการขนส่งสินค้าทางอากาศและทางทะเลเพิ่มสูงขึ้น การให้บริการคลังสินค้าสำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์มีความต้องการอย่างต่อเนื่อง ขณะที่กลุ่มบริหารจัดการโลจิสติกส์ยังสร้างรายได้เติบโตจากการมุ่งเน้นการให้บริการกลุ่มลูกค้าอีคอมเมิร์ซและธุรกิจโลจิสติกส์ภายในประเทศ
“กลุ่มบริหารจัดการโลจิสติกส์ และกลุ่มโลจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์สามารถสร้างกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นได้อย่างโดดเด่น ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารลดลงจากการคุมค่าใช้จ่ายได้ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า ในส่วนของกำไรขั้นต้นนั้น มีจำนวน 116.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.2% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่ม 15.1% จากไตรมาสก่อน” นายทิพย์ กล่าว
นอกจากนี้บริษัทฯ มีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าในไตรมาส 1/2564 จำนวน 53.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 128.2% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงทางธุรกิจของบริษัทฯ โดยกลุ่มบริษัท Around Logistics Management และ บริษัท DG Packaging Pte., Ltd. สร้างผลตอบแทนที่ดีได้ต่อเนื่อง ขณะที่บริษัท เอ็กคู่ เวิลด์ไวด์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ซีเค ไลน์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกอบธุรกิจขนส่งสินค้าทางทะเลสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีในไตรมาสนี้ จากการที่ค่าระวางสินค้าทางทะเลได้ปรับตัวสูงขึ้น
“จากการที่ผลประกอบการไตรมาส 1/2564 โดดเด่น มาจากการปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ ทั้งในส่วนของการบริหารธุรกิจปัจจุบันภายใต้วิกฤตและการพัฒนาธุรกิจใหม่ ให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลง เพื่อหารายได้ทดแทน การบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการเข้าลงทุนในธุรกิจโลจิสติกส์ที่เกี่ยวเนื่องทั้งในประเทศและภูมิภาคเพื่อบริหารความเสี่ยง และการจับมือพันธมิตรทางธุรกิจพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์รูปแบบใหม่เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ” นายทิพย์กล่าว
นายทิพย์ ยังกล่าวถึงแนวโน้มในไตรมาส 2/2564 ว่า จะยังรักษาความสามารถในการสร้างผลการดำเนินงานที่ดีได้ต่อเนื่องในปีนี้ จึงเตรียมปรับเพิ่มเป้าหมายการเติบโตในปี 2564 จากเดิมตั้งเป้าเติบโต 15% เป็นไม่ต่ำกว่า 30% โดยรายได้จะมาจากทั้งกลุ่มธุรกิจหลักเดิม 4 กลุ่มที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจัยจากสถานการณ์การขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ทำให้อัตราค่าระวางสินค้าปรับตัวสูงขึ้น และส่งผลให้ปริมาณการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางอากาศ และการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนทางบก จะมีการปรับเพิ่มมากขึ้นเพื่อมาทดแทนการขนส่งสินค้าทางทะเล โดยคาดว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะยังคงอยู่ต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี
สำหรับแผนธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศ ในไตรมาส 2 นี้ เตรียมปรับเพิ่มความถี่ของเที่ยวบิน Cargo Flight อีก 20-30% ในเส้นทางที่มีศักยภาพ อาทิ จีน เกาหลีใต้ ฮ่องกง ขณะที่ธุรกิจขนส่งสินค้าทางทะเล ได้เพิ่ม Service ใหม่อีก 2 Service โดยจะให้บริการครอบคลุมประเทศเกาหลีใต้ จีน ฮ่องกง เวียดนาม และประเทศไทย ซึ่งเริ่มให้บริการแล้วในไตรมาส 2 นี้ ในส่วนของธุรกิจบริหารจัดการโลจิสติกส์ ยังคงโฟกัสลูกค้าหลักในกลุ่มอาหาร ยาและเวชภัณฑ์ สุขภาพและความงาม และกลุ่มอีคอมเมิร์ซ ที่ยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะกลุ่ม Food and Food Supplement ที่มีช่องทางการขายออนไลน์เพื่อรองรับการใช้ Fulfilment Station อย่างเต็มที่ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังเตรียมศึกษาการขยายพื้นที่การจัดเก็บแบบห้องควบคุมอุณหภูมิเพื่อรองรับการเติบโตของกลุ่มลูกค้าสุขภาพและความงามโดยเฉพาะ และสำหรับธุรกิจการบริหารจัดการโลจิสติกส์สินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งกำลังพิจารณาการเข้าเสนอโครงการและรองรับการเติบโตของการใช้พื้นที่คลังหลายโครงการในช่วงกลางปีนี้เป็นต้นไป รวมทั้งบริษัทฯ กำลังพัฒนาบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอันตรายให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น และเตรียมเพิ่มช่องทางการขายผ่านแพลทฟอร์มออนไลน์
นอกจากรายได้ที่มาจากธุรกิจหลักทั้งสี่กลุ่มแล้วนั้น บริษัทฯ คาดว่ารายได้จากการพัฒนาธุรกิจใหม่ในกลุ่ม Business Development จะยังเติบโตได้ดี แม้ว่ามูลค่าการส่งออกไทยในไตรมาส 1/2564 ขยายตัวเพียง 2.27% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน อีกทั้งในไตรมาส 2/2564 นี้ บริษัทฯ จะเริ่มรับรู้ผลตอบแทนจากการเข้าลงทุนในบริษัท เอ.ที.พี.เฟรนด์ เซอร์วิส จํากัด (Shipsmile) คิดเป็น 30% ของจํานวนหุ้นทั้งหมด