ทริพเพิล ไอ กวาดรายได้ไตรมาส 2/61 กว่า 700 ล้าน ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 15-20%
MGR Online (วันที่ 8 สิงหาคม 2561)
III เผยผลงานไตรมาส 2 ปีนี้ กวาดรายได้ 700.1 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 38.4 ล้านบาท ทั้งปีย้ำเป้ารายได้เติบโต 15-20% จากปีก่อน 2,294.6 ล้านบาท รับอานิสงส์ 4 ธุรกิจหลัก “ขนส่งสินค้าทางอากาศ-ทางทะเล และทางบก-ธุรกิจบริหารจัดการลอจิสติกส์-ธุรกิจลอจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตราย และเคมีภัณฑ์” เข้าสู่ High Season ในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่ไตรมาส 3 ปีนี้ จะเริ่มรับรู้รายได้จาก DG Packaging ในสิงคโปร์ หนุนผลงานสดใส
นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III ผู้ให้บริการลอจิสติกส์ครบวงจรชั้นนำของไทย ที่มีประสบการณ์มานานกว่า 25 ปี เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2561 (สิ้นสุด ณ เดือนมิถุนายน 2561) บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้ 700.1 ล้านบาท ซึ่งเติบโตเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 563.1 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิลดลง 4.7 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และหากเปรียบเทียบกับไตรมาส 1/2561 มีรายได้เติบโตเพิ่มขึ้น 97.1 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 16 โดยมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 12.5 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 48
กำไรสุทธิในไตรมาส 2/2561 จำนวน 38.4 ล้านบาท มาจากรายได้ และปริมาณการให้บริการของทั้ง 4 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศ ธุรกิจขนส่งสินค้าทางทะเล และทางบก ธุรกิจบริหารจัดการลอจิสติกส์ และธุรกิจลอจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตราย และเคมีภัณฑ์ โดยในช่วง 6 เดือนแรกปี 2561 ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีรายได้รวมจำนวน 1,303.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนกว่าร้อยละ 17.5 ซึ่งสอดคล้องกับปริมาณการให้บริการที่ปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นปรับลดลงอันเนื่องมาจากผลกระทบจากค่าเงินบาท
“แม้ผลกระทบจากการแข็งค่าของสกุลเงินบาทต่อสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้บริษัทฯ มีอัตราการทำกำไรขั้นต้นลดลง โดยเฉพาะธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศนั้น ทั้งนี้ กำไรสุทธิของบริษัทฯ ยังคงเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งในไตรมาส 2/2561 มีกำไรสุทธิเติบโตขึ้นจากไตรมาสก่อนถึงร้อยละ 48”
นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทฯ ได้เป็นตัวแทนให้กับสายเรือพันธมิตรได้แก่ สายเรือริเซา จากประเทศจีน ส่งผลให้มีความสามารถในการสร้างรายได้และกำไรจากธุรกิจขนส่งสินค้าทางทะเลเพิ่มขึ้นด้วย ประกอบกับการให้บริการคลังสินค้าระหว่างประเทศที่สนามบินนานาชาติดอนเมือง ก็เป็นหนึ่งในธุรกิจใหม่ที่เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยเป็นการให้บริการทั้งภายในกลุ่มบริษัทฯ เอง และให้บริการแก่สายการบินและลูกค้าอื่นๆ อีกด้วย และเมื่อไม่นานมานี้ บริษัทฯ ได้เข้าซื้อกิจการ ของบริษัท DG Packaging Pte., Ltd. ในประเทศสิงคโปร์ ในสัดส่วนร้อยละ 50 ซึ่งประกอบธุรกิจขายและให้บริการเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอันตราย และเคมีภัณฑ์ คิดเป็นเงินลงทุน จำนวน 267.8 ล้านบาท โดยการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ทำให้บริษัทฯ สามารถสร้างความแข็งแกร่งในกลุ่มธุรกิจลอจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตราย และเคมีภัณฑ์ รวมถึงเป็นการขยายธุรกิจสู่ตลาดต่างประเทศ ตามแผนยุทธศาสตร์ของบริษัทฯ ตลอดจนสร้างผลกำไรให้กับกลุ่มบริษัทฯ โดยจะรับรู้ผลกำไรจากส่วนแบ่งของเงินลงทุนได้ในไตรมาส 3/2561
“ในช่วงครึ่งปีหลัง ผลประกอบการมีแนวโน้มออกมาในทิศทางที่ดี เพราะเป็นช่วง High Season ของธุรกิจลอจิสติกส์ และการส่งออก โดยในปีนี้ปริมาณการส่งออกมีอัตราการเติบโตสูงขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก อีกทั้งพันธมิตรหลักของบริษัทฯ ทั้งสายการบินไทยแอร์เอเซีย และไทยแอร์เอเซีย เอ็กซ์ มีการเปิดเส้นทางใหม่ และเพิ่มความถี่ของเที่ยวบิน ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อปริมาณการขนส่งสินค้าทางอากาศ และการใช้บริการคลังสินค้าระหว่างประเทศที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีการบริหารจัดการต้นทุน และค่าใช้จ่ายในการบริหารงาน โดยเฉพาะธุรกิจคลังสินค้าระหว่างประเทศที่ท่าอากาศยานดอนเมือง รวมถึงการบริหารจัดการด้านผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน และในส่วนของการลงทุน กับบริษัท DGP ในสิงคโปร์ ที่จะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 3 ทั้งหมดนี้จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้รายได้และกำไรขั้นต้นของบริษัทฯ เพิ่มขึ้น จึงคาดว่า รายได้ในปีนี้ จะเติบโต 15-20% จากปีก่อน ซึ่งทำได้ 2,294.6 ล้านบาท” นายทิพย์ กล่าว
ที่มา : https://mgronline.com/stockmarket/detail/9610000030006