ทริพเพิล ไอ ปรับกลยุทธ์ฟื้นธุรกิจหลังพิษโควิด-19 ปูพรมรุกระบบขนส่งสินค้าภายในประเทศ เร่งพัฒนาอีโลจิสติกส์สำหรับอีคอมเมิร์ซ พร้อมผนึกพันธมิตรเสริมธุรกิจแกร่ง

ทริพเพิล ไอ ปรับกลยุทธ์ฟื้นธุรกิจหลังพิษโควิด-19 ปูพรมรุกระบบขนส่งสินค้าภายในประเทศ เร่งพัฒนาอีโลจิสติกส์สำหรับอีคอมเมิร์ซ พร้อมผนึกพันธมิตรเสริมธุรกิจแกร่ง ­­ นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่สร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยและประเทศต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งทางกลุ่มบริษัทเองก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน จึงได้มีการวางแผนเพื่อปรับแผนกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อฟื้นฟูรายได้บางส่วนของกลุ่มบริษัทที่สูญเสียไป โดยเฉพาะรายได้จากกลุ่มธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศ สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจดังกล่าวจะเป็นแผนการดำเนินงานปี 2563-2566 โดยจะมุ่งเน้นการขยายฐานธุรกิจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ซึ่งมีทั้งการพัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ รวมทั้งการสร้างสรรค์โลจิสติกส์แพลตฟอร์มที่ตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนไปของกลุ่มลูกค้าในปัจจุบัน และการต่อยอดธุรกิจเพื่อชดเชยรายได้ของกลุ่มบริษัทที่หายไป และยังเป็นการขยายโอกาสทางธุรกิจในอนาคตอีกด้วย” โดยแผนการพัฒนาธุรกิจดังกล่าวแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่
  1. การขยายการให้บริการด้านโลจิสติกส์ภายในประเทศ ที่ผ่านมากลุ่มบริษัทมุ่งเน้นการทำธุรกิจขนส่งสินค้าระหว่างประเทศเป็นหลัก แต่ภายหลังวิกฤตโรคระบาดเกิดการปิดประเทศทั่วโลก ส่งผลให้มีข้อจำกัดในการขนส่งสินค้าระหว่างภูมิภาค ทำให้แนวโน้มการขนส่งสินค้าภายในประเทศมีโอกาสเติบโตมากยิ่งขึ้น ซึ่งทางบริษัทได้ทำการพัฒนาการขนส่งภายในประเทศรูปแบบใหม่ๆ โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มให้บริการได้ในไตรมาส 4 ของปีนี้
  2. การขึ้นเป็นผู้นำด้านโลจิสติกส์สำหรับสินค้ากลุ่มอาหาร และกลุ่มยารวมถึงเวชภัณฑ์ ทางกลุ่มบริษัทเชื่อมั่นว่าสินค้าทั้งสองกลุ่มนี้จะมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยเห็นได้จากข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า มูลค่าการส่งออกสินค้ากลุ่มอาหารในเดือน ม.ค.-พ.ค. 2563 อยู่ที่ 9,847 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.2 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะกลุ่มผักผลไม้สด แช่แข็ง และแปรรูป ทูน่ากระป๋อง ไก่แช่แข็งและแปรรูป ซึ่งสวนทางกับภาพรวมการส่งออกสินค้าของไทยในห้าเดือนแรกของปีนี้ที่มีอัตราลดลงจากปีก่อนร้อยละ 3.7 ในขณะที่ภาพรวมการนำเข้าสินค้าของไทยในเดือน ม.ค.-พ.ค. 2563 มีการปรับตัวลดลงร้อยละ 11.6 แต่สินค้ากลุ่มยาและเวชภัณฑ์ กลับมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 หรือคิดเป็นมูลค่า 1,406 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ
  3. การร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ๆ ในการขยายฐานธุรกิจโลจิสติกส์ของกลุ่มบริษัทให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ด้วยการพัฒนารูปแบบบริการด้านโลจิสติกส์ผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มสำหรับลูกค้ากลุ่มอีคอมเมิร์ซ ซึ่งพบว่าหลังจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคทั่วโลกที่มีผลต่อการใช้บริการด้านโลจิสติกส์ ส่งผลให้การสั่งสินค้าออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ทางกลุ่มบริษัทได้เล็งเห็นโอกาสในการขยายตลาดดังกล่าว ภายหลังจากการเข้าลงทุนในบริษัท แกแล็คซี่ เวนเจอร์ส จํากัด (GV) ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทได้เริ่มพัฒนารูปแบบบริการด้านโลจิสติกส์ด้วยดิจิทัลแพลตฟอร์มหรืออีโลจิสติกส์สำหรับลูกค้ากลุ่มอีคอมเมิร์ซ โดยอาศัยจุดแข็งของบริษัทร่วมทุนอย่าง GV ที่มีบริษัทย่อย เช่น X Commerce ที่มีความชำนาญในการสร้างแพลทฟอร์มสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และ Sokochan ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์สำหรับกลุ่มลูกค้าอีคอมเมิร์ซ โดยจัดทำ Fulfillment Center สำหรับกลุ่มสินค้าที่เป็นอาหารสดที่ใช้ช่องทางการค้าในลักษณะออนไลน์ อีกทั้งยังมีการวางแผนพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อต่อยอดกับธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัทที่มีอยู่ในปัจจุบัน
ในส่วนของการให้บริการในภาคพื้นอากาศยาน ทางกลุ่มบริษัทได้ร่วมมือกับบริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) ซึ่งถือเป็นพันธมิตรใหม่ที่มีความเชี่ยวชาญด้านไอทีและมีประสบการณ์ในการให้บริการเกี่ยวกับธุรกิจการบินมายาวนาน ได้ให้ความสนใจเข้าลงทุนในบริษัท เอสเอแอล กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด โดยล่าสุดคณะกรรมการบริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน ) ได้มีมติให้บริษัทขายหุ้นบริษัท เอสเอแอล กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด ในสัดส่วนร้อยละ 33.20 ให้กับบริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) และภายหลังการขายหุ้นดังกล่าว จะทำให้กลุ่มบริษัทยังคงถือหุ้นในบริษัท เอสเอแอล กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด ในสัดส่วนร้อยละ 25 ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนที่มีนัยสำคัญอยู่ ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทเล็งเห็นว่าการร่วมมือกับบริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) ในครั้งนี้จะทำให้เกิดการประสานศักยภาพความชำนาญด้านการบริหารจัดการโลจิสติกส์ของทางกลุ่มบริษัทและความเชี่ยวชาญด้านไอที ของบริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) โดยทั้งสองบริษัทจะร่วมกันต่อยอดขยายศักยภาพการให้บริการของทั้งบริษัทเอสเอแอล กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด และบริษัท บริการภาคพื้น ท่าอากาศยานไทย จำกัด (AOTGA) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง AOT และบริษัท เอสเอแอล กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด ในการดำเนินธุรกิจการให้บริการภาคพื้นอากาศยานและผู้โดยสาร ณ ท่าอากาศยานที่อยู่ในความรับผิดชอบของ AOT ให้ครอบคลุมและครบวงจรมากยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบัน AOTGA ได้ให้บริการที่ท่าอากาศยานดอนเมือง และเตรียมขยายการให้บริการในท่าอากาศยานระหว่างประเทศอื่นๆ ต่อไป  
Read more...

บมจ. ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (iii) ปิดงบไตรมาส 1/2563 ยังคงทำกำไรท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 ปรับกลยุทธ์หันมาขนส่งสินค้าแบบเช่าเหมาลำทดแทนสายการบินหยุดให้บริการ เร่งพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์ในประเทศเตรียมสร้างแพลทฟอร์มใหม่ พร้อมลุยเต็มสูบหลังโรคระบาดคลี่คลาย

นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 1/2563 ว่า “แม้ว่าภาพรวมรายได้ของบริษัทจะปรับตัวลดลงเนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจในภูมิภาคและเศรษฐกิจโลก แต่ผลประกอบการของบริษัทยังคงสามารถทำกำไรได้ แม้ว่าจะมีการปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัทมีกำไรสุทธิในไตรมาส 1/2563 จำนวน 22.5 ล้านบาท ลดลง 20.3 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 47.4 จากไตรมาส 1/2562 ซึ่งเป็นผลกระทบจากปัจจัยภายนอกทั้งสภาพเศรษฐกิจและวิกฤติ COVID-19 นอกจากนี้ ในไตรมาส 1/2563 บริษัทยังได้รับผลกระทบจากการบันทึกตามมาตรฐานบัญชีใหม่ อีกทั้งธุรกิจขายระวางขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางอากาศของบริษัท ได้เปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงานเป็นการดำเนินงานผ่านทางบริษัท เทเลพอร์ต (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทการร่วมค้าระหว่างบริษัท กับบริษัท Teleport Everywhere Pte., Ltd. ในกลุ่ม AirAsia จึงทำให้บริษัทไม่ได้มีการบันทึกรายได้ในส่วนของเทเลพอร์ต (ประเทศไทย) จากการขายระวางขนส่งสินค้า แต่เป็นการรับรู้ผลประกอบการในลักษณะของส่วนแบ่งกำไรแทน ซึ่งส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าในไตรมาส 1/2563 จำนวน 23.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 46.5 ตอบรับกับกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ขยายธุรกิจไปสู่ภูมิภาค แม้ว่าธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศบางส่วนเริ่มได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ในขณะที่ธุรกิจของ DG Packaging Pte., Ltd. ในประเทศสิงคโปร์ กลับมีปริมาณการขายบรรจุภัณฑ์และการขนส่งสำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเคมีภัณฑ์ที่ใช้ในการป้องกันเชื้อโรค และยังสามารถเพิ่มรายได้จากการให้บริการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อภายในสำนักงานให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งสามารถสร้างผลประกอบการเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ดี บริษัทคาดว่าไตรมาสที่ 2/2563 ธุรกิจจะยังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ต่อเนื่องจากไตรมาสแรก และจากแนวโน้มปริมาณการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศที่ปรับลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทางบริษัทจึงมีการปรับแผนการดำเนินธุรกิจในเชิงรับมาตั้งแต่ในไตรมาสแรกของปี ได้แก่ การบริหารจัดการต้นทุนซึ่งจะส่งผลอย่างชัดเจนขึ้นในไตรมาสที่ 2/2563 รวมถึงการหันมาให้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศในรูปแบบการเช่าเหมาลำ (Chartered Flight) และการพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์ภายในประเทศมากขึ้นเพื่อทดแทนการหยุดให้บริการของสายการบินต่างๆ นอกจากนี้ บริษัทยังเร่งพัฒนาแผนธุรกิจเชิงรุกด้านการพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์เพื่อเป็นแหล่งรายได้ใหม่ในอนาคต และยังมีการเตรียมความพร้อมในการพัฒนาโมเดลและแพลทฟอร์มการให้บริการด้านโลจิสติกส์ใหม่ๆ ร่วมกับพันธมิตร เพื่อตอบสนองต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีความต้องการด้านโลจิสติกส์ที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่จะเกิดขึ้นภายหลังวิกฤตโรคระบาด ซึ่งการปรับแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทนั้น ครอบคลุมทั้งกลุ่มธุรกิจหลัก 4 กลุ่ม และกลุ่มธุรกิจ Business Development” ในส่วนของกลุ่มธุรกิจการขนส่งสินค้าทางอากาศ บริษัทฯ และ บจก. เทเลพอร์ต (ประเทศไทย) ได้มีการปรับรูปแบบการให้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศมาเป็นบริการเช่าเหมาลำโดยเฉพาะ โดยเลือกเส้นทางที่ยังทำกำไรได้ โดยในเดือนเมษายนที่ผ่านมาเริ่มให้บริการขนส่งสินค้าแบบเช่าเหมาลำไปยังหลายประเทศในแถบเอเชีย กลุ่มธุรกิจการขนส่งสินค้าทางทะเลและทางบก ภายหลังการแพร่ระบาดของ COVID-19 สายการเดินเรือ Rizhao Port Shipping Line ที่บริษัทเป็นตัวแทนได้หยุดให้บริการตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา บริษัทจึงเพิ่มสัดส่วนการให้บริการขนส่งสินค้าข้ามแดนทางบกมากขึ้น รวมถึงการพัฒนาขนส่งสินค้าทางบกในรูปแบบอื่นอีกด้วย สำหรับกลุ่มธุรกิจบริหารจัดการโลจิสติกส์และกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ ได้มีการบริหารจัดการด้านต้นทุนเพื่อลดค่าใช้จ่ายคงที่ และบริหารจัดการต้นทุนขายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ โดยบริษัทเริ่มมีการพัฒนาโครงการขนส่งสินค้าแบบ Multimodal เช่น การขนส่งสินค้าทางทะเลจากประเทศจีนผ่านประเทศไทยเพื่อส่งต่อสินค้าไปยังประเทศลาวโดยการใช้รถขนส่งสินค้าข้ามแดน รวมทั้งมีการขยายฐานลูกค้าที่เป็น B2B มากขึ้นเพื่อชดเชยลูกค้ากลุ่ม Retail ที่ได้รับผลกระทบจากการปิดห้างร้าน Modern Trade ต่าง ๆ นอกจากการพัฒนาธุรกิจหลักทั้ง 4 กลุ่มแล้วนั้น บริษัทยังมีแผนการพัฒนาธุรกิจใหม่ในกลุ่มธุรกิจ Business Development ที่มุ่งเน้นการขยายแหล่งรายได้จากธุรกิจรูปแบบใหม่มากยิ่งขึ้น ประกอบกับการปิดประเทศทั่วโลกจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้มีข้อจำกัดในการขนส่งสินค้าระหว่างภูมิภาค ทำให้การค้าระหว่างประเทศภายในภูมิภาคมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ทางบริษัทจึงให้ความสำคัญกับการให้บริการด้านโลจิสติกส์ภายในภูมิภาคและภายในประเทศมากยิ่งขึ้น ภายใต้ 3 แนวทางหลัก ดังนี้ 1. การต่อยอดขยายธุรกิจร่วมกับพันธมิตรร่วมค้า : ในไตรมาสที่ 2 และ 3 ของปีนี้ บริษัทรวมกับ เทเลพอร์ต (ประเทศไทย) เตรียมปรับรูปแบบการให้บริการขนส่งสินค้าเป็นการขนส่งสินค้าแบบ Cargo Flight โดยจะกำหนดตารางการบินในการขนส่งสินค้าทางอากาศให้มีความสม่ำเสมอและชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพื่อทดแทนการหยุดให้บริการของสายการบินทั่วโลก นอกจากนี้ บริษัทยังร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจระดับภูมิภาคที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเตรียมให้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศแบบด่วนพิเศษภายในภูมิภาคสำหรับกลุ่มลูกค้า B2B และยังพัฒนาการให้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศภายในประเทศแบบด่วนพิเศษอีกด้วย 2. การขยายขอบเขตการให้บริการโลจิสติกส์ : บริษัทจะขยายธุรกิจในภาคพื้นอากาศยานภายในประเทศและผู้โดยสาร ซึ่งปัจจุบันให้บริการที่ท่าอากาศยานดอนเมือง และเตรียมขยายการให้บริการในท่าอากาศยานระหว่างประเทศอื่น ๆ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ช่วงต้นไตรมาส 4 ของปีนี้ โดยคาดว่าจะเป็นช่วงที่มีปริมาณการใช้บริการภาคพื้นอากาศยานและผู้โดยสารจะกลับมาเป็นปกติภายหลังจากสถานการณ์โรคระบาดคลี่คลาย บริษัทยังเตรียมพร้อมในการให้บริการศูนย์ขนส่งสินค้า Express Center ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งคาดว่าเริ่มให้บริการได้ในไตรมาส 4 เช่นกัน ปัจจุบัน บริษัทกำลังศึกษาแผนการร่วมทุนกับพันธมิตรที่มีศักยภาพ เพื่อพัฒนาบริการด้านโลจิสติกส์ในลักษณะ Project Cargo Handling & Cross Border รวมทั้งการให้บริการด้านการขนส่งทางบกในระบบราง เพื่อเป็นแหล่งรายได้ใหม่ให้กับกลุ่มธุรกิจขนส่งสินค้าทางทะเลและทางบก 3. การพัฒนารูปแบบบริการด้านโลจิสติกส์ด้วย Digital Platform : บริษัทเตรียมจัดทำ Fulfillment Center สำหรับกลุ่มสินค้าที่เป็นอาหารสดที่ใช้ช่องทางการค้าในลักษณะ Online โดยอาศัยจุดแข็งของพันธมิตรที่มีความชำนาญในการสร้างแพลทฟอร์มสำหรับธุรกิจ E-Commerce และ E-Logistics อีกทั้งยังมีการร่วมกับพันธมิตรเพื่อพัฒนา E-Commerce Platform ต่อยอดกับธุรกิจโลจิสติกส์ของบริษัทที่มีอยู่ในปัจจุบัน จากการปรับแผนการดำเนินธุรกิจทั้งในเชิงรุกและเชิงรับดังกล่าว บริษัทคาดว่าจะยังสามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่ายังมีปัจจัยลบจากภายนอก
Read more...

ทริพเพิล ไอ รวมทุกแรงใจ ต้านภัยโคโรนา

แม้ว่าธุรกิจจะได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ทิพย์ ดาลาล CEO หนุ่มใหญ่ใจดีแห่ง บมจ. ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ ขอมีส่วนร่วมให้คนไทยผ่านพ้นวิกฤตการณ์นี้ เตรียมจัดส่งหน้ากากและผ้ากันเปื้อนสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ โดยจะส่งไปยังโรงพยาบาลสนาม 3 แห่ง ได้แก่ รพ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ รพ.สิรินธร จ.ขอนแก่น รพ.กัลยาณิวัฒนาการุณย์ จ.นราธิวาส รวมทั้ง รพ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี และ รพ.ค่ายธนะรัชต์ จ.ประจวบคีรีขันธ์และยังขอเชิญชวนลูกค้าและประชาชนร่วมเขียนข้อความให้กำลังใจแก่บุคลากรทางการแพทย์ผ่านเฟสบุคแฟนเพจ www.facebook.com/iiilogistics/ ได้ตลอดเดือนเมษายน และจะรวบรวมข้อความส่งต่อแรงใจไปยังโรงพยาบาลต่างๆ ต่อไป
Read more...

ทริพเพิล ไอ ส่งมอบความสุขในคอนเซปต์ Eco To Go

“ทิพย์ ดาลาล” ซีอีโอไฟแรงแห่ง บมจ. ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ ยังคงคอนเซ็ปท์รักษ์โลกอย่างต่อเนื่องสั่งทำเซ็ตของขวัญสวัสดีปีใหม่เตรียมแจกลูกค้าและพันธมิตรของทริพเพิล ไอแบบจัดเต็ม โดยปีนี้มาในธีม Triple i Eco-to-go รณรงค์การนำผลิตภัณฑ์กลับมาใช้ซ้ำเพื่อลดปริมาณขยะพลาสติก มีทั้งถุงผ้า shopping bag เซ็ตหลอดสเตนเลส และแก้วน้ำที่ผลิตจากฟางข้าวสาลีซึ่งสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ช่วยกันคนละไม้ละมือเพื่อเซฟโลกเราอย่างนี้ กดไลค์ให้เลยค่ะ!
Read more...

บมจ. ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ ผุดโครงการ “Recovering Ubon” ฟื้นฟูฟื้นใจคนไทยหลังน้ำลด

แม้ว่าเหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ในภาคอีสานจะคลี่คลายลงแล้ว การใช้ชีวิตของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมกลับเข้าสู่สภาวะปกติ แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นภายหลังน้ำท่วมยังคงต้องการการเยียวยาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องอาศัยทั้งเวลาและงบประมาณเป็นจำนวนมาก บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) เล็งเห็นถึงความสำคัญในการช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประสบภัย จึงจัดโครงการ “Recovering Ubon” เพื่อช่วยฟื้นฟูหลังน้ำลดให้กับผู้ประสบภัยและสถาบันการศึกษาหลายแห่งในจังหวัดอุบลราชธานี โครงการ “Recovering Ubon” เกิดขึ้นโดยความตั้งใจที่จะช่วยเหลือให้ผู้ประสบภัยสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด ด้วยความร่วมแรงร่วมใจทั้งจากทีมผู้บริหารและพนักงานของ บมจ. ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ และบริษัทในเครือ ร่วมกับ บจก. เอ็กคู่ เวิลด์ไวด์ (ประเทศไทย) และยังได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายลูกค้า คู่ค้า และพันธมิตรทางธุรกิจที่ช่วยกันบริจาคทั้งเงินและสิ่งของมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสายการบินไทยแอร์เอเชียที่ช่วยลำเลียงสิ่งของบริจาคจากกรุงเทพฯ ไปยังอุบลราชธานี องค์การเภสัชร่วมบริจาคชุดยาตำราหลวงจำนวน นอกจากนี้ออฟฟิศเมทและกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจยังช่วยบริจาคเครื่องเขียนและอุปกรณ์การเรียนการสอนเพื่อส่งต่อไปยังโรงเรียนต่างๆ อีกด้วย ทั้งหมดนี้เป็นแรงขับเคลื่อนให้โครงการนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี สำหรับการช่วยเหลือภาคประชาชนผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี นายสฤษดิ์ วิฑูรย์ เราได้บริจาคเงินสดจำนวนหนึ่ง รวมทั้งเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงจำนวน 10 เครื่องเพื่อใช้ในการทำความสะอาดพื้นที่หลังน้ำลด ชุดยาตำราหลวงจำนวน 300 ชุด กล่องเอนกประสงค์สำหรับเก็บสิ่งของที่ได้รับบริจาค และยังมีข้าวสารจำนวน 3 ตันเพื่อเป็นข้าวสารกองกลางประจำหมู่บ้านเพื่อจัดสรรให้กับครัวเรือนต่างๆ ที่ที่นาได้รับความเสียหายและขาดแคลนข้าวสารในการบริโภค อีกทั้งยังได้ส่งต่อชุดยาตำราหลวงจำนวน 100 ชุดให้กับมูลนิธิประชาสังคมเพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนในการลงพื้นที่ต่อไป ในส่วนของสถาบันการศึกษา บริษัทฯ ได้ประสานงานกับโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานีเขต 3 จำนวน 14 แห่ง และศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 4 แห่ง ในพื้นที่อำเภอพิบูลมังสาหาร อำเภอโขงเจียม อำเภอตาลสุม อำเภอศรีเมืองใหม่ และอำเภอสิรินธร โดยให้ความช่วยเหลือเป็นชุดเครื่องเขียน อุปกรณ์การเรียนการสอน อุปกรณ์ศิลปะ ยาห้องพยาบาลสำหรับเด็กเล็กและเด็กโต และอุปกรณ์ต่างๆ ภายในโรงเรียนที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วม อาทิ พริ้นเตอร์ โต๊ะญี่ปุ่น ชั้นวางรองเท้า ชั้นเก็บของ ช้อนส้อมเด็ก ชุดซิงค์ล้างจาน หนังสือแบบเรียน หนังสือนิทาน สมุดระบายสี ที่นอนเด็กเล็ก ของเล่นเสริมพัฒนาการ เราหวังว่าความช่วยเหลือที่มาจากความตั้งใจของหลายๆ ฝ่ายในครั้งนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งในสังคมที่ช่วยบรรเทาทุกข์และส่งกำลังใจให้คนไทยผ่านช่วงเวลาแห่งความยากลำบากไปได้ เพราะทริพเพิล ไอเราเชื่อมาโดยตลอดว่าการเติบโตทางธุรกิจควบคู่ไปกับการมีจิตสำนึกสร้างสรรค์สิ่งดีๆ คืนให้กับสังคม จะเป็นแนวทางแห่งการเติบโตอย่างยั่งยืนที่แท้จริง  
Read more...

“ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์” อวดกำไรสุทธิ 9 เดือนแรกโต 26.7% เดินหน้าเจรจาพันธมิตรเสริมความแข็งแกร่ง มั่นใจปีนี้เติบโตตามเป้า

“บมจ. ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์” ใส่เกียร์เดินหน้าเจรจาพันธมิตรช่วยเสริมความแข็งแกร่ง มุ่งขยายธุรกิจในระดับภูมิภาค ด้านผู้บริหาร “ทิพย์ ดาลาล” โชว์กำไรสุทธิ 9 เดือนแรกของปี 2562 อยู่ที่ 136.1 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 26.7% พร้อมรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าที่เข้าร่วมลงทุนมั่นใจปี 62 โชว์ผลงานโตตามเป้า 20% นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) ) หรือ III ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรชั้นนำของไทยที่ให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทั้งทางอากาศทางทะเล และทางบก การบริหารจัดการโลจิสติกส์ รวมทั้งการให้บริการโลจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2562 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 669.3 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 42.8 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนยังสามารถประคองตัวได้ดีท่ามกลางปัจจัยลบทางเศรษฐกิจภายนอกประเทศที่มีการหดตัวทั่วโลก ในขณะเดียวกันผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกปี 2562 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,063.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.2 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 136.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 26.7% เนื่องจากบริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าที่เข้าร่วมลงทุน โดยเฉพาะบริษัท DG Packaging Pte., Ltd. ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเข้าซื้อกิจการไปเมื่อ 2 กรกฎาคม 2561 และบริษัท Around Logistics Management ประเทศฮ่องกง ที่เข้าซื้อกิจการเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมา “ปัจจัยภายนอกอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทฯ นอกเหนือจากอุตสาหกรรมการส่งออกและนำเข้าของประเทศ กลุ่มบริษัทฯ ยังคงได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่าขึ้นจากการที่กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้บางส่วนเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ด้วยบริษัทฯ มีการวางกลยุทธ์สำหรับดำเนินธุรกิจ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ จะทำให้ผลประกอบการในไตรมาส 3 ประคับประคองมาได้และคาดว่าสิ้นปีจะเติบโตได้ตามเป้าที่วางไว้ว่าโตปีละ 20%” นายทิพย์เผย ทั้งนี้ในไตรมาส 3-4 ของทุกปี จะมีปริมาณการขนส่งสินค้ามากกว่าในช่วงครึ่งปีแรก แต่ในไตรมาสที่ 3/2562 ที่ผ่านมาพบว่าปริมาณการขนส่งสินค้าไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องมาจากปัจจัยทางเศรษฐกิจภายนอก เช่น การแข็งค่าของเงินบาท ปริมาณการส่งออกสินค้าของไทยและของภูมิภาคที่หดตัวลง ส่งผลให้ทั้งปริมาณความต้องการการขนส่งสินค้าและอัตราค่าระวางมีการปรับตัวลดลง ในไตรมาสที่ 4/2562 ภาพรวมปริมาณการขนส่งสินค้าคาดว่าจะใกล้เคียงหรือปรับตัวดีขึ้นกว่าไตรมาส 3/2562 เล็กน้อย ในส่วนของการเจรจากับพันธมิตรอย่าง Teleport Everywhere Pte., Ltd. เรื่องการร่วมทุนนั้นเป็นไปด้วยดีตามบันทึกข้อตกลง โดยคาดว่าจะเจรจาแล้วเสร็จและลงนามเซ็นสัญญาการร่วมทุนภายในสิ้นปีนี้ และพร้อมดำเนินธุรกิจร่วมกันในต้นปี 2563 และยังมีการเข้าลงทุนในหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท เอสเอแอล กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด อีกด้วย นอกจากนี้ในส่วนของกลยุทธ์การลงทุนขยายกิจการไปยังต่างประเทศจากบริษัทในเครือและบริษัทที่เราได้เข้าซื้อกิจการตั้งแต่ปีที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มแหล่งรายได้ยังเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ จึงทำให้บริษัทฯ ยังเชื่อมั่นว่าจะยังเติบโตได้ตามแผนที่วางไว้
Read more...

ทริพเพิล ไอ เชิญชวนร่วมบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย จ.อุบลฯ

มีโปรเจ็กท์ดีๆ มาบอกจ้า “ทิพย์ ดาลาล” ซีอีโอใจดีแห่ง บมจ. ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่งในโครงการฟื้นฟูหลังน้ำลด #recoveringubon ช่วยเหลือศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และร.ร.ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา จ.อุบลราชธานี รวม 18 แห่ง โดยท่านสามารถบริจาคเงินได้ที่บัญชีกระแสรายวัน ธ.กสิกรไทย เลขที่บัญชี 066-1-07522-8 ชื่อบัญชี “ทริพเพิล ไอ เพื่อผู้ประสบอุทกภัย จ.อุบลราชธานี” ได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 11 ต.ค. 62 และยังเปิดรับบริจาคเครื่องเขียน อุปกรณ์การเรียน ฝากทีมงานไปได้แต่ต้องส่งด่วนนิดหนึ่งนะจ๊ะพี่จ๋า สอบถามเพิ่มเติมโทร 0-2681-8700 #103
Read more...

Triple i Logistics reports outstanding performance in Q1/2019 with net profit up 65.5 % in line with business expansion strategy via acquisition and joint venture

Triple i Logistics achieves outstanding performance in Q1/2019 with Bt42.9 million net profit, up 65.5 percent from Bt25.9 million registered in the same period last year, thanks to the company’s business expansion strategy via acquisition and joint venture. CEO Tipp Dalal anticipates bright prospect in Q2/2019 after the end of low season of export and import business, maintaining that Triple i Logistics will see 20 percent increase of revenue this year. Mr. Tipp Dalal, Chief Executive Officer of Triple i Logistics Public Company Limited (iii), disclosed that the company recorded the total revenue of Bt682.6 million in the first quarter of 2019, up 13.2 percent from Bt603.0 million registered in the corresponding period last year. The net profit topped Bt42.9 million, surging 65.5 percent from Bt25.9 million in the first quarter of 2018, due to the growth of the company’s core business and its success in business expansion via acquisition and joint venture. In the first quarter of 2019, the company’s air transport business generated Bt547.0 million of revenue, up 12.3 percent year-on-year due to larger volume of services mainly because the company has served as General Sales Agent (GSA) for airlines. Triple i Logistics has steadily increased the service routes since the middle of 2018. Additionally, the company begins to realize profits from an investment in Around Logistics Management Co., Ltd. of Hong Kong in March, and expects to fully realize profits in the second quarter of this year. Meanwhile, the company’s sea and land transport business has enjoyed a rise of freight services when compared to the same period last year. Moreover, Triple i Logistics has received the profit sharing from its investment in CK Line (Thailand) Co., Ltd. and ECU Worldwide (Thailand) Co., Ltd. In the second quarter of 2019, the demand for sea freights from Rizhao Shipping Lines is expected to increase after Port Authority of Thailand signed a Sister Port Agreement with Port of Rizhao, People’s Republic of China, presenting a golden opportunity for cooperation in international trade and cargo service. The company’s logistics management business in the first quarter of 2019 generated the revenue of Bt48.3 million, rising by 39.2 percent compared to the corresponding period last year, due to an increase of key accounts. Hence, international air and sea transport, related logistics, cargo transport and delivery services to cater to e-commerce business, have increased. Mr. Tipp added that in the first quarter of 2019, the company’s logistics service in handling hazardous chemicals and dangerous goods recorded the sales of Bt133.4 million, increasing from the previous quarter due to a rise of overall logistics services for chemical industries and an improved business sentiment for hazardous chemical handling services and sales of dangerous goods packaging. Moreover, the company has gained the profits from its investment in acquiring DG Packaging Singapore Pte., Ltd. (DGPS) in April this year. DGPS has begun offering new services namely DG Acceptance Progress to inspect and accept dangerous goods at the international airport in Singapore. In the second quarter of 2019, the company expects the sentiment for air and sea cargo business as well as related logistics service to improve. In particular, the volume of freight transport service will significantly increase from the middle to the end of the second quarter of 2019 because it is the beginning of the high season of export and import business. “On the business outlook this year, Triple i Logistics will continue expanding our core business and monitoring the operating results of companies that Triple i Logistics has acquired and formed business alliance with. We expect sales of the company to increase 20 percent from Bt2,829.06 million recorded last year,” Mr. Tipp concluded.
Read more...

“ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์” ผลงานไตรมาส 1/62 โตโดดเด่น กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 65.5% ตามยุทธ์ศาสตร์การขยายธุรกิจทั้งการเข้าซื้อกิจการและการร่วมลงทุน

“ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์” เผยไตรมาส 1/62 ทำผลงานเติบโตโดดเด่นมีกำไรสุทธิ 42.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 25.9 ล้านบาท ตามยุทธ์ศาสตร์การขยายธุรกิจทั้งการเข้าซื้อกิจการและการร่วมลงทุน ด้านผู้บริหาร “ทิพย์ ดาลาล” ประเมินแนวโน้มไตรมาส 2/62 สดใส หลังผ่านช่วง Low Season ของธุรกิจส่งออกและนำเข้า ยืนเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 20% นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III เปิดเผยว่าผลประกอบการไตรมาส 1/2562 มีรายได้รวมอยู่ที่ 682.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.2% จากงวดเดียวกันปีก่อนทำได้ 603.0 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิในไตรมาสดังกล่าวทำได้ 42.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65.5% จากไตรมาส 1/2561 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 25.9 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตขึ้นจากทั้งในกลุ่มธุรกิจหลักในปัจจุบันของบริษัท และความสำเร็จจากยุทธศาสตร์การขยายธุรกิจด้วยการเข้าซื้อกิจการและร่วมลงทุน โดยไตรมาส 1/2562 กลุ่มธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศ มีรายได้เท่ากับ 547.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 12.3% จากปริมาณการให้บริการที่เพิ่มมากขึ้น โดยหลักมาจากธุรกิจขายระวางขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางอากาศ (GSA) ที่ทางบริษัทมีเส้นทางการให้บริการเพิ่มขึ้นมาตั้งแต่ช่วงกลางปี 2561 เป็นต้นมา นอกจากนั้น บริษัทยังเริ่มรับรู้ผลกำไรจากเงินลงทุนในการเข้าซื้อบริษัท Around Logistics Management Co., Ltd. ประเทศฮ่องกง ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมาอีกด้วย โดยในไตรมาส 2/2562 จะรับรู้ผลกำไรได้เต็มไตรมาส ขณะเดียวกันกลุ่มธุรกิจขนส่งสินค้าทางทะเลและทางบก ในไตรมาส 1/2562 มีปริมาณการขนส่งสินค้าเพิ่มมากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และยังได้รับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในกิจการร่วมค้าที่เพิ่มขึ้น จากบริษัท ซีเค ไลน์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เอ็กคู่ เวิลด์ไวด์ (ประเทศไทย) จำกัด โดย คาดว่าในไตรมาส 2/2562 ปริมาณการขนส่งสินค้าของสายการเดินเรือรื่อจ้าวจะมีการเติบโตต่อเนื่อง นอกจากนี้การที่การท่าเรือแห่งประเทศไทย และท่าเรือรื่อจ้าว สาธารณรัฐประชาชนจีน มีการลงนามในข้อตกลงท่าเรือพี่น้อง (Sister Port Agreement) ซึ่งนับเป็นการโอกาสที่ดีในการร่วมมือกันส่งเสริมการค้าและการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ส่วนกลุ่มธุรกิจการบริหารจัดการโลจิสติกส์มีรายได้ไตรมาส 1/2562 จำนวน 48.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจาก Key Account ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ปริมาณการใช้บริการทั้งในส่วนการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทั้งทางอากาศและทางทะเล และการให้บริการโลจิสติกส์ที่เกี่ยวเนื่อง รวมถึงการให้บริการจัดส่งสินค้าให้กับกลุ่ม E-Commerce ปรับเพิ่มขึ้น นายทิพย์ กล่าวต่อว่า กลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ในไตรมาส 1/2562 มีรายได้ 133.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน เป็นผลจากการให้บริการโดยรวมของกลุ่มธุรกิจโลจิกติกส์สำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น รวมกับในส่วนของธุรกิจการให้บริการและขายบรรจุภัณฑ์วัตถุอันตรายที่ปรับตัวดีขึ้น และการได้รับผลกำไรเต็มไตรมาสจากเงินลงทุนในการเข้าซื้อกิจการบริษัท DG Packaging Singapore Pte., Ltd. (DGPS) โดยในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทาง DGPS ได้เริ่มให้บริการใหม่ ได้แก่ DG Acceptant Process ซึ่งเป็นกระบวนการตรวจรับสินค้าอันตราย ณ ท่าอากาศยานสิงคโปร์อีกด้วย ซึ่งในไตรมาส 2/2562 คาดว่าปริมาณการขนส่งสินค้าทั้งทางอากาศและทางทะเล รวมถึงบริการด้านโลจิสติกส์อื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องจะสามารถเห็นแนวโน้มการปรับตัวที่ดีขึ้น โดยปริมาณการขนส่งสินค้าจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนตั้งแต่กลางถึงปลายไตรมาส 2/2562 เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ช่วง High Season ของการส่งออกและนำเข้า “สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทจะยังมุ่งเน้นการขยายธุรกิจทั้งในกลุ่มธุรกิจหลักในปัจจุบันของบริษัท รวมทั้งการติดตามผลการดำเนินงานของบริษัทต่าง ๆ ที่ทางบริษัทได้เข้าซื้อกิจการและร่วมลงทุน โดยคาดว่ารายได้ในปีนี้จะขยายตัว 20% จากปีก่อนที่ทำได้ 2,829.06 ล้านบาท” นายทิพย์กล่าวสรุป  
Read more...

“ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์” โชว์ผลงานปี 61 โดดเด่น ทำสถิติสูงสุดทั้งรายได้และกำไร ตั้งเป้า 3 ปี โตปีละ 20%

“ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์” โชว์ผลงานปี 61 โดดเด่นทำสถิติสูงสุดทั้งรายได้และกำไร รับอานิสงส์ธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรสดใส ส่วนปี 62 หัวเรือใหญ่ “ทิพย์ ดาลาล” วางเป้า 3 ปีเติบโตปีละ 20% เดินหน้าขยายฐานลูกค้ากลุ่ม E-Commerce –ซื้อกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลัก เสริมความแข็งแกร่งต่อยอดธุรกิจ ด้านบอร์ดไฟเขียวปันผลงวดปี 61 หุ้นละ 0.17 บาท กำหนดรับเงินวันที่ 22 พ.ค.62 นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรชั้นนำของไทยที่ให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทั้งทางอากาศทางทะเลและทางบกการบริหารจัดการโลจิสติกส์ รวมทั้งการให้บริการโลจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ ที่มีประสบการณ์มานานกว่า 25 ปี เปิดเผยว่าในปี 2561 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,770.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 2,294.6 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 150.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 129.6 ล้านบาท ซึ่งทำสถิติสูงสุดโดดเด่นทั้งรายได้และกำไรสุทธิ เนื่องจากการให้บริการของทั้ง 4 ธุรกิจหลัก ประกอบด้วย 1.ธุรกิจขนส่งทางอากาศ 2.ธุรกิจขนส่งสินค้าทางทะเลและทางบก 3.ธุรกิจบริหารจัดการโลจิสติกส์ และ 4.ธุรกิจโลจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ มีอัตราการเติบโตกว่า 20.7% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ประกอบกับบริษัทฯ ได้ขยายธุรกิจบริหารคลังสินค้าระหว่างประเทศ ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง ตั้งแต่เดือนมกราคม 2561 ที่ผ่านมา มีปริมาณสินค้าที่ให้บริการผ่านคลังสินค้าราว 90,000 ตัน ซึ่งสูงกว่าประมาณการไว้ค่อนข้างมาก นอกจากนี้ยังได้ขยายการขนส่งสินค้าทางทะเล โดยร่วมมือกับพันธมิตรสานการเดินเรือริเซาของประเทศจีนไปยังเส้นทางการขนส่งหลักของภูมิภาค ได้แก่ ประเทศจีน ประเทศเวียดนามและประเทศไทย เริ่มให้บริการเต็มรูปแบบตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม 2561 นายทิพย์ กล่าวต่อไปว่าแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2562 - 2564 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีก่อน โดยมีกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจประกอบด้วย การขยายฐานลูกค้ากลุ่ม E-Commerce ระหว่างประเทศโดยเฉพาะจากจีน ซึ่งเป็นศูนย์กลางของกลุ่มลูกค้าดังกล่าวของโลก โดยอาศัยจุดแข็งจากการที่บริษัทฯ เป็นตัวแทนของสายการบิน รวมทั้งการเป็นพันธมิตรกับสายการบินต่างๆ ที่มีบริการขนส่งสินค้าทางอากาศได้ทั่วโลก นอกจากนี้ยังขยายธุรกิจในส่วนของการเป็นตัวแทนสายการบินในระดับภูมิภาคในลักษณะการเข้าซื้อกิจการ ที่เป็นการเติบโตแบบ Inorganic โดยการเข้าซื้อหุ้นในบริษัท อราวน์ โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด (ฮ่องกง) เพื่อขยายเครือข่ายการเป็นตัวแทนสายการบินทั้งในเอเชีย ยุโรปและอเมริกาเหนือ ครอบคลุมเส้นทางให้บริการ 24 ประเทศ มากกว่า 22 สายการบิน ส่วนธุรกิจการขนส่งสินค้าทางทะเลและทางบก บริษัทฯ มีแผนขยายธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการขนส่งสินค้าในระบบตู้คอนเทนเนอร์ทั้งที่เป็นการเติบโตตามพันธมิตรของสายการเดินเรือ และการขยายตัวของเศรษฐกิจในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจ พิเศษภาคตะวันออก (EEC) ในส่วนของธุรกิจโลจิสติกส์ สำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ ในปัจจุบันบริษัทฯ ให้บริการคลังสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ บนพื้นที่ 21,500 ตารางเมตร โดยมีอัตราการใช้พื้นที่ร้อยละ 90 จึงต้องมีแผนขยายพื้นที่การให้บริการเพิ่มเติมทั้งในพื้นที่เดิม บางนา กม.39 และการศึกษาการสร้างคลังสินค้าและบริการเกี่ยวเนื่องสำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์โดยเฉพาะ จะเน้นพื้นที่การให้บริการที่มีศักยภาพ เช่น เขตระเบียงเศรษฐกิจตะวันออกและหลังจากที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้เข้าซื้อหุ้นในบริษัท DG Packaging Pte. Ltd. ที่ประเทศสิงคโปร์ ผู้นำในการให้บริการและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์สำหรับการขนส่งสินค้าเคมีภัณฑ์ทางอากาศ บริษัทฯ คาดว่าปีนี้ยังได้รับส่วนแบ่งกำไรเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากแนวโน้มตลาดสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ทั่วโลกยังมีการเติบโตที่ดีโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย อนึ่ง คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้เสนอผู้ถือหุ้นอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลงวดการดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค. 2561 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2561 ในอัตราหุ้นละ 0.17 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) ในวันที่ 3 พ.ค. 2562 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 2 พ.ค. 2562 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 22 พ.ค.2562
Read more...