ทริพเพิลไอ โลจิสติกส์ แอนด์ บียอนด์ ชู ANI ขับเคลื่อนการโตแรงปี 66

Read more...

วิเคราะห์เจาะพื้นฐาน "III" หลังราคาปรับลง 11%

thunhoon.com (วันที่ 26 กันยายน 2565)

บล.เอเซีย พลัส หรือ ASPS ส่องหุ้น บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นตกลงมา 11% ฝ่ายวิจัยได้รวบรวมข้อมูลด้านต่างๆ เช่น ปริมาณขนส่ง ราคาค่าระวาง และต้นทุนพลังงาน จากการรวบรวมข้อมูลเบื้องต้น ประเมินว่ากําไรงวด Q3/65 ไม่น่าจะด้อยไปกว่า Q2/65 และช่วง Q4/65 คาดว่าจะเป็นช่วงที่ III ทํากําไรได้สูงสุดของปีนี้ เนื่องจากเป็นช่วง High Season ของการขนส่งและการเดินทางระหว่างประเทศ

โดยนอกเหนือจากกําไรธุรกิจหลัก (organic) ฝ่ายวิจัยมองว่าธุรกิจที่ III เข้าไปร่วมลงทุน (inorganic) จะช่วยหนุนผลประกอบการ ได้แก่ 1) บริษัท บริการภาคพื้น ท่าอากาศยานไทย จํากัด(AOTGA) 2) การขนส่งทางราง 3) การผลักดัน ANI เข้าจดทะเบียนใน SET โดยจะนําเงินที่ได้ มาซื้อ ASIA GSA (M) ที่เหลืออีก 80%

ประเมินมูลค่าเหมาะสมอยู่ที่ 18.6 บาท อิง Historical PER 23 เท่า ราคาหุ้นปัจจุบันมี upside 53.7% แนะนําซื้อ

 

 

https://thunhoon.com/article/261483

Read more...

III ทั่วโลกเที่ยวบินเด้ง ขนส่งทางอากาศฟื้นแรง

thunhoon (วันที่ 9 กันยายน 2565)

III ขนส่งทางอากาศฟื้นตัวแรง ตามปริมาณสายการบินทั่วโลกเพิ่มเที่ยวบินให้บริการมากขึ้น ขณะที่ขนส่งทางเรือเข้าไฮซีซัน หนุนผลงานครึ่งปีหลัง 2565 โตเด่น ดันรายได้-กำไรทั้งปีโต 30-40% ย้ำกลยุทธ์การเติบโตร่วมกับพันธมิตร และหรือการควบรวมกิจการ เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้ให้บริการระบบขนส่ง-โลจิสติกส์ครบวงจรในภูมิภาคอาเซียนได้ในอนาคต

นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 จะเติบโตได้ดีต่อเนื่องจากครึ่งแรก เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของธุรกิจขนส่ง ทั้งธุรกิจขนส่งทางอากาศ (Air Freight),  ธุรกิจขนส่งทางเรือ (Sea Freight), กลุ่มธุรกิจการบริหารจัดการโลจิสติกส์, และธุรกิจโลจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตราย และเคมีภัณฑ์ (Chemical)

โดยตั้งแต่งวดไตรมาส 3/2565 เป็นต้นไปธุรกิจขนส่งทางอากาศ มีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ตามปริมาณสายการบินทั่วโลก ที่จะเพิ่มเที่ยวบินให้บริการมากขึ้น ทําให้มีพื้นที่ระวางเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับบริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจให้บริการคลังสินค้าเร่งด่วน (Express Cargo) ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง ที่เริ่มให้บริการตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 2/2565 ที่ผ่านมา อีกทั้งธุรกิจบริการขนส่ง Cargo Cross Border ในลักษณะ Truck to Air จะเพิ่มเที่ยวขนส่งจากประเทศในกลุ่มอาเซียน เพื่อส่งออกไปยังเส้นทางยุโรป และอเมริกามากขึ้น

*วอลุ่มขนส่งพุ่ง

ขณะที่ธุรกิจขนส่งทางเรือเข้าสู่ไฮซีซันเช่นกัน โดยจะส่งผลให้แนวโน้มปริมาณขนส่ง (วอลุ่ม) สินค้าปรับตัวเพิ่มขึ้น และมีโอกาสในการเพิ่มขบวนสําหรับให้บริการขนส่งสินค้าทางรางภายในประเทศ ซึ่งบริการขนส่งสินค้าทางรางภายในประเทศในเส้นทางสถานีลาดกระบัง-สถานีสระโก (ราชบุรี) คาดว่าจะมีโอกาสเพิ่มขบวนได้ในไตรมาส 3/2565ภายหลังการสร้างทางรถไฟเพิ่มเติมบริเวณสถานีหัวตะเข้แล้วเสร็จ

สำหรับบริษัท สบาย สปีด จำกัด (SBS) ซึ่งบริษัทเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 18% นั้นบริษัทจะคิดค้นผลิตภัณฑ์ และการให้บริการรูปแบบใหม่ให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย ควบคู่กับเร่งขยายสาขา – แฟรนไชส์ ให้คาบ 2 หมื่นสาขาภายในปีนี้

*รายได้โต 30-40%

เบื้องต้นบริษัทยังคงประเมินภาพรวมทั้งปี 2565 ว่าทั้งรายได้จากการขายและให้บริการจะเติบโตราว 30-40% YoY สูงกว่าช่วงต้นปีที่ประมาณการไว้ว่าจะเติบโตได้ราว 20% YoY อย่างไรก็ตาม การที่จีนยังคงดำเนินนโยบายโควิด-19 เป็นศูนย์ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงสถานการณ์เศรษฐกิจในทวีปยุโรป-อเมริกา ซึ่งอยู่ระหวางเผชิญสถานการณ์เงินเฟ้อ ส่งผลโดยตรงให้ค่าครองชีพเร่งตัวขึ้น อาจกดดันให้ความต้องการขนส่งไม่เร่งตัวสูงเทียบเท่ากับช่วงเวลาที่ผ่านมา

ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่าการปรับกลยุทธ์การเติบโตจากทั้งธุรกิจขนส่ง-โลจิสติกส์ ควบคู่กับการเติบโตผ่านความร่วมมือทางธุรกิจ (JV) และเข้าควบรวม-หรือซื้อกิจการ (M&A)จะทำให้บริษัทก้าวขึ้นเป็นผู้ให้บริการธุรกิจขนส่ง-โลจิสติกส์ครบวงจรในภูมิภาคอาเซียนได้ในอนาคต

ส่วนความคืบหน้าการนำ บริษัท เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด (ANI) ซึ่งบริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 50.40%เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) นั้น บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมทางระบบบัญชี โดยได้รับคำแนะนำจากทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถยื่นไฟลิ่งได้ในไตรมาส 4/2565และเข้าซื้อขายใน SET ได้ในข่วงครึ่งแรกของปี 2566

Read more...

บล.ทิสโก้ : III แนะนำ “ซื้อ” มูลค่าเหมาะสม 20 บาท

Hooninside.com (วันที่ 25 สิงหาคม 2565)
III : ผลกระทบจากการปิดกิจการ Triple i Railgistics ต่ำมาก
ผลกระทบต่อกำไรจากการยุติ Triple i Railgistics น้อยกว่า 1%
เราคาดข่าวการปิดกิจการ Triple i Railgistics ทำให้ราคาหุ้นลดลง c3% เมื่อวานนี้ อย่างไรก็ตาม เรามองว่าผลกระทบต่อกำไรของ III จะน้อยกว่า 1% ของกำไรโดยรวม ในขณะเดียวกัน ก็ได้ประกาศจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ Sitti Logistics Laos Co., Ltd. เพื่อช่วยด้านการขนส่งทางรางระหว่างประเทศ และเชื่อว่าจะมี upside ต่อกำไรในอนาคต แนะนำ “ซื้อ”
การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ Sitti Logistics Laos ขณะที่ยุติบริษัท Triple i Railgistics
III ประกาศยกเลิกบริษัท Triple i Railgistics Co., Ltd. ที่จัดตั้งขึ้นก่อนหน้านี้ เพื่อดำเนินธุรกิจขนส่งทางรถไฟในประเทศกับ Jong Tungcharoen Transport Group Co., Ltd. และ Power Interfreight Co., Ltd. ในขณะเดียวกันบริษัทได้ร่วมมือกับ Sitti Logistics Laos Co., Ltd. จัดตั้งบริษัทร่วมทุน 51:49 ในนาม TSL Logistics Co., Ltd. เพื่อช่วยด้านการขนส่งทางรางระหว่างประเทศ เชื่อมเส้นทางรถไฟความเร็วสูงสายจีน – สปป. ลาว TSL ได้ลงทะเบียนเสร็จสิ้นแล้ว เมื่อวันที่ 2 ส.ค. ที่ผ่านมา FYI: Sitthi Logistics Lao Co., Ltd. เป็นผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์และคลังสินค้าครบวงจรชั้นนำในประเทศลาว เริ่มประกอบกิจการในปี 2008 โดยเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท Petroleum Trading Lao Public Company ในปี 2013 ได้แยกบริษัทออกมาให้บริการด้านโลจิสติกส์ สำหรับสินค้าหลายประเภทไม่เพียงแค่น้ำมันและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม
ยังคงประมาณการรายได้และกำไร 2022-24F
เราคงประมาณการรายได้และกำไรสุทธิในปี 2022-24F รวมถึง GPM และ SG&A to sales
มูลค่าเหมาะสมไม่เปลี่ยนแปลง 20.00 บาท อิงจาก PER ปี 2022F ที่ 30.3x
มูลค่าเหมาะสมของเราที่ 20.00 บาท โดยอิงจาก PER ปี 2022F ที่ 30.3 เท่า ซึ่งมาจาก PEG 1.5x ของภาคโลจิสติกส์ และ Cagr 2 ปี (2021-23F) ของ III ที่ 20.2% ความเสี่ยง : การพึ่งพาคู่ค้า/ลูกค้าเชิงกลยุทธ์อย่างมาก ความผันผวนในค่าการขนส่งสินค้า การแข่งขันที่รุนแรง และการเปลี่ยนแปลงนโยบายอย่างกะทันหัน
Read more...

III ตั้ง “ทีเอสแอล โลจิสติกส์” ลุยธุรกิจตัวแทนผู้ส่งออก-นำเข้าสินค้า

Kaohoon.com (วันที่ 23 สิงหาคม 2565)
III ยกเลิกจัดตั้งบริษัทร่วมทุน “ทริพเพิล ไอเรลจิสติกส์” แล้วจัดตั้งบริษัทย่อย “ทีเอสแอล โลจิสติกส์” ดำเนินธุรกิจตัวแทนผู้ส่งออกและนำเข้าสินค้าระหว่างประเทศ ทุนจดทะเบียน 10 ลบ. โดย III ถือหุ้นสัดส่วน 51% บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III ระบุว่า ตามที่ได้เผยแพร่ข้อมูลให้นักลงทุนและตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ทราบเรื่องการอนุมัติการจัดตั้งบริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท ทริพเพิล ไอเรลจิสติกส์ จำกัด (TIR) กับกลุ่มบริษัท จงตั้งเจริญ ทรานสปอร์ต กรุ๊ป จำกัด และ บริษัท เพาเวอร์ อินเตอร์เฟรท จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจขนส่งทางรางในประเทศ ความละเอียดปรากฏตามหนังสือที่อ้างถึงนั้น ทั้งนี้บริษัทฯ ได้มีการปรับเปลี่ยนแผนดำเนินงานเพื่อให้สอดคล้องกับโอกาสทางธุรกิจและยุทธศาสตร์ของการเติบโตของบริษัทฯ โดยจะให้บริการขนส่งทางรางให้ครอบคลุมธุรกิจขนส่งทางรางทั้งในประเทศและระหว่างประเทศโดยในส่วนของธุรกิจขนส่งทางรางในประเทศจะดำเนินการโดยกลุ่มบริษัทฯ เอง ซึ่งทำให้ไม่มีการจัดตั้งบริษัทร่วมกับกลุ่มบริษัท จงตั้งเจริญ ทรานสปอร์ต กรุ๊ป จำกัด และ บริษัท เพาเวอร์ อินเตอร์เฟรท จำกัด อีกต่อไป ทั้งนี้ สำหรับธุรกิจขนส่งทางรางระหว่างประเทศ บริษัทฯ ได้มีการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ “Sitthi Logistics Laos Co., Ltd.” (Sitthi) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการบริหารและการจัดการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศโดยเฉพาะการขนส่งทางราง ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยได้จัดตั้งบริษัท ทีเอสแอล โลจิสติกส์ จำกัด (TSL) ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 51 ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด 10 ล้านบาท เพื่อดำเนินธุรกิจตัวแทนผู้ส่งออกและนำเข้าสินค้าระหว่างประเทศ ซึ่ง TSL ได้จดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา
https://www.kaohoon.com/news/553141
Read more...

The Briefcase จากฝ่ายขายเอเจนต์สายเรือ สู่เจ้าของธุรกิจโลจิสติกส์หมื่นล้านในภูมิภาค

รายการ The Briefcase ลงทุนแมน  (วันที่ 18 สิงหาคม 2565) https://www.facebook.com/watch/?v=315506337417367 https://www.youtube.com/watch?v=eYHjSkln6vQ      
Read more...

III มอง H2/65 เข้าไฮซีซั่น หนุนปริมาณขนส่งโต มั่นใจทั้งปีโตตามเป้ากว่า 30%

infoquest.co.th (วันที่ 11 สิงหาคม 2565)

นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (III) คาดผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังจะโตได้ต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรก โดยจะเริ่มเข้าช่วงไฮซีซั่นของการขนส่งตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3/65 หนุนความความต้องการการขนส่งให้ปรับตัวสูงขึ้นทั้งการนำเข้าและส่งออกสินค้ารวมไปถึงธุรกิจโลจิสติกส์ที่เกี่ยวเนื่องเพิ่มมากขึ้นสอดคล้องกับข้อมูลจากสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ ประเมินว่าการส่งออกของไทยในครึ่งปีหลังยังขยายตัวได้ดี จากความต้องการสินค้าเกษตรและอาหารในตลาดโลกเพิ่มขึ้น และการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมยังเติบโตตามการขยายตัวของภาคการผลิตโลก

แต่อย่างไรก็ตามยังต้องยังต้องติดตามสถานการณ์ต่างๆอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นความตึงเครียดระหว่างจีน ไต้หวัน และ สหรัฐ รวมไปถึงภาวะสงครามระหว่างยูเครน และ รัสเซีย ที่อาจจะเข้ามากระทบต่อราคาพลังงานได้เพิ่มเติม นอกจากนี้ยังอาจจะมีความเสี่ยงด้านการชะลอตัวของการบริโภคจากภาวะเงินเฟ้อโลกที่พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออำนาจซื้อของผู้บริโภคทั่วโลกด้วย “แม้ว่าแรงกดดันด้านต้นทุนพลังงาน สงคราม การเมือง และ เงินเฟ้อ จะคลี่คลายไปบ้างแล้วก็ตาม แต่อย่างไรก็ตามยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด หากกลับมาอีกก็จะเป็นผลกระทบได้เพิ่มเติมอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตามในช่วงไตรมาส 3/65 เริ่มเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจจะเป็นปัจจัยหนุนให้ความต้องการขนส่งเพิ่มขึ้นทั้ง ทั้งธุรกิจขนส่งทางอากาศ (Airfreight) กลุ่มธุรกิจการบริหารจัดการโลจิสติกส์  ธุรกิจขนส่งทางเรือ (Seafreight) และธุรกิจโลจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตราย และเคมีภัณฑ์ (Chemical)” นายทิพย์ กล่าว
สำหรับธุรกิจขนส่งทางอากาศ (Airfreight) จะเริ่มเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นในไตรมาส 3/65 หลังจากสายการบินต่างๆจะมีการเพิ่มเที่ยวบิน ทำให้มีพื้นที่ระวางเพิ่มมากขึ้น และการให้บริการคลังสินค้าเร่งด่วน (Express cargo) ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง ที่เริ่มให้บริการแล้วในปลายไตรมาส 2/65 และจะเริ่มรับรู้รายได้เต็มที่ในไตรมาส 3/65 ส่วนด้านบริการขนส่ง Cargo Cross Border ในลักษณะ Truck to Air จะเพิ่มเที่ยวขนส่งจากประเทศในกลุ่มอาเซียน เพื่อส่งออกไปยังเส้นทางยุโรป และสหรัฐมากขึ้น
ด้านธุรกิจขนส่งทางเรือ (Seafreight) ได้เริ่มเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นเช่นกัน แม้ว่าค่าบริการการขนส่งจะปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตามยังถือว่าสูงกว่าช่วงก่อนการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
นอกจากนี้บริษัท บริการภาคพื้น ท่าอากาศยานไทย จำกัด (AOTGA) ผู้ให้บริการภาคพื้นอากาศยาน และผู้โดยสารในท่าอากาศยานภูเก็ต  ยังมีส่วนแบ่งที่ดีขึ้น หลัง 6 เดือนแรกสามารถพลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้ ตามการเปิดประเทศ จากเดิมที่แบกรับภาระขาดทุนมาเกือบ 2 ปีในช่วงโควิด-19 เชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังของปี 65 และปีถัดไปจะสร้างผลตอบแทนมากขึ้นต่อเนื่อง พร้อมทั้งมีแผนขยายการให้บริการในท่าอากาศยาอื่นๆเพิ่มเติม ทั้งบริการคลังสินค้า และนอกจากบริการคลังสินค้า ซึ่ง ล่าสุด ก็ได้เริ่มให้บริการทำความสะอาดภายในท่าอากาศยานที่อยู่ในความดูแลของ AOT ทั้งหมด 6 แห่ง เป็นต้น
ขณะที่การขนส่งทางราง คาดว่าครึ่งปีหลังจะมีงานด้านระบบรางมากขึ้น จากปัจจุบันอยู่ระหว่างทำระบบหลังบ้านให้พร้อมต่อการให้บริการในเรื่องระเบียบการขนส่งผ่านด่านต่างๆ ซึ่งบริษัทคาดว่า จะเริ่มให้บริการได้อย่างเต็มรูปแบบที่จะเชื่อมเส้นทางการขนส่งไทย จีน และ สปป.ลาว ในช่วงปลายปี 65 หลังจากได้เริ่มให้บริการการขนส่งทางรางในประเทศไปแล้ว
ส่วนธุรกิจด้านโลจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ ยังคงสร้างการเติบโตได้ดีต่อ เบื้องต้นบริษัทมีแผนเพิ่มพื้นที่คลังสินค้าอีก 2,000 ตารางเมตร จากเดิม 30,000 ตารางเมตร เพื่อรองรับลูกค้ารายใหม่ที่จะเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าจะเริ่มให้บริการในปลายไตรมาส 3/65 นี้ พร้อมศึกษาคลังสินค้าแบบ Build to suit เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ และลดต้นทุน อีกทั้งในส่วนของบริษัท DG Packaging Pte. Ltd. (DGP)จะเริ่มให้บริการจำหน่ายกล่องสินค้าแบบออนไลน์เพื่อเป็นอีกช่องทางเลือกแก่ลูกค้าในไตรมาส 4/65
บริษัท เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (ANI) ที่บริษัทถือหุ้น 50.4% ซึ่งเป็นตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบินในภูมิภาคเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) คาดว่าภายในไตรมาส 3/65 หรือต้นไตรมาส 4/65 จะสามารถยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นได้ในช่วงต้นปี 66 ซึ่งในอนาคตอาจพิจารณาเข้าไปเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นอีกด้วย
นายทิพย์ เปิดเผยอีกว่า ในช่วงที่เหลือของปี 65 และ ในปี 66 บริษัทจะเน้นผลักดันการร่วมมือทางธุรกิจ (JV) หรือ ซื้อกิจการ (M&A) ให้เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ โดยเฉพาะในส่วนของการขนส่งทางราง ที่หลังจากก่อนหน้านี้ได้เซ็นสัญญาร่วมมือทางธุรกิจกับผู้นำด้านโลจิสติกส์อันดับ 1 ของ สปป.ลาว และ จะทยอยเซ็นสัญญาร่วมมือทางธุรกิจกับพันธมิตรในประเทศจีนให้ได้มณฑลละ 1-2 ราย ซึ่งปัจจุบันได้ดำเนินการสำเร็จไปหลายรายแล้ว
โดยภาพรวมทั้งปีบริษัทยังคงมั่นใจว่ารายได้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ไม่ต่ำกว่า 30% และคาดว่าจะมีกำไรสุทธิทำสถิติสูงสุดใหม่ได้ หลัง6 เดือนแรกมีกำไรสุทธิแล้ว 231 ล้านบาท เติบโต 42.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และมีรายได้จากการขายและให้บริการ 1,466 ล้านบาท เติบโต 15.1% จากการเติบโตในทุกๆธุรกิจ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์
https://www.infoquest.co.th/2022/224065
Read more...