thunhoon (วันที่ 9 กันยายน 2565)
III ขนส่งทางอากาศฟื้นตัวแรง ตามปริมาณสายการบินทั่วโลกเพิ่มเที่ยวบินให้บริการมากขึ้น ขณะที่ขนส่งทางเรือเข้าไฮซีซัน หนุนผลงานครึ่งปีหลัง 2565 โตเด่น ดันรายได้-กำไรทั้งปีโต 30-40% ย้ำกลยุทธ์การเติบโตร่วมกับพันธมิตร และหรือการควบรวมกิจการ เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้ให้บริการระบบขนส่ง-โลจิสติกส์ครบวงจรในภูมิภาคอาเซียนได้ในอนาคต
นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 จะเติบโตได้ดีต่อเนื่องจากครึ่งแรก เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของธุรกิจขนส่ง ทั้งธุรกิจขนส่งทางอากาศ (Air Freight), ธุรกิจขนส่งทางเรือ (Sea Freight), กลุ่มธุรกิจการบริหารจัดการโลจิสติกส์, และธุรกิจโลจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตราย และเคมีภัณฑ์ (Chemical)
โดยตั้งแต่งวดไตรมาส 3/2565 เป็นต้นไปธุรกิจขนส่งทางอากาศ มีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ตามปริมาณสายการบินทั่วโลก ที่จะเพิ่มเที่ยวบินให้บริการมากขึ้น ทําให้มีพื้นที่ระวางเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับบริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจให้บริการคลังสินค้าเร่งด่วน (Express Cargo) ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง ที่เริ่มให้บริการตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 2/2565 ที่ผ่านมา อีกทั้งธุรกิจบริการขนส่ง Cargo Cross Border ในลักษณะ Truck to Air จะเพิ่มเที่ยวขนส่งจากประเทศในกลุ่มอาเซียน เพื่อส่งออกไปยังเส้นทางยุโรป และอเมริกามากขึ้น
*วอลุ่มขนส่งพุ่ง
ขณะที่ธุรกิจขนส่งทางเรือเข้าสู่ไฮซีซันเช่นกัน โดยจะส่งผลให้แนวโน้มปริมาณขนส่ง (วอลุ่ม) สินค้าปรับตัวเพิ่มขึ้น และมีโอกาสในการเพิ่มขบวนสําหรับให้บริการขนส่งสินค้าทางรางภายในประเทศ ซึ่งบริการขนส่งสินค้าทางรางภายในประเทศในเส้นทางสถานีลาดกระบัง-สถานีสระโก (ราชบุรี) คาดว่าจะมีโอกาสเพิ่มขบวนได้ในไตรมาส 3/2565ภายหลังการสร้างทางรถไฟเพิ่มเติมบริเวณสถานีหัวตะเข้แล้วเสร็จ
สำหรับบริษัท สบาย สปีด จำกัด (SBS) ซึ่งบริษัทเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 18% นั้นบริษัทจะคิดค้นผลิตภัณฑ์ และการให้บริการรูปแบบใหม่ให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย ควบคู่กับเร่งขยายสาขา – แฟรนไชส์ ให้คาบ 2 หมื่นสาขาภายในปีนี้
*รายได้โต 30-40%
เบื้องต้นบริษัทยังคงประเมินภาพรวมทั้งปี 2565 ว่าทั้งรายได้จากการขายและให้บริการจะเติบโตราว 30-40% YoY สูงกว่าช่วงต้นปีที่ประมาณการไว้ว่าจะเติบโตได้ราว 20% YoY อย่างไรก็ตาม การที่จีนยังคงดำเนินนโยบายโควิด-19 เป็นศูนย์ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงสถานการณ์เศรษฐกิจในทวีปยุโรป-อเมริกา ซึ่งอยู่ระหวางเผชิญสถานการณ์เงินเฟ้อ ส่งผลโดยตรงให้ค่าครองชีพเร่งตัวขึ้น อาจกดดันให้ความต้องการขนส่งไม่เร่งตัวสูงเทียบเท่ากับช่วงเวลาที่ผ่านมา
ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่าการปรับกลยุทธ์การเติบโตจากทั้งธุรกิจขนส่ง-โลจิสติกส์ ควบคู่กับการเติบโตผ่านความร่วมมือทางธุรกิจ (JV) และเข้าควบรวม-หรือซื้อกิจการ (M&A)จะทำให้บริษัทก้าวขึ้นเป็นผู้ให้บริการธุรกิจขนส่ง-โลจิสติกส์ครบวงจรในภูมิภาคอาเซียนได้ในอนาคต
ส่วนความคืบหน้าการนำ บริษัท เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด (ANI) ซึ่งบริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 50.40%เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) นั้น บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมทางระบบบัญชี โดยได้รับคำแนะนำจากทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถยื่นไฟลิ่งได้ในไตรมาส 4/2565และเข้าซื้อขายใน SET ได้ในข่วงครึ่งแรกของปี 2566