Author - Admin

บล.ทิสโก้ : III แนะนำ “ซื้อ” มูลค่าเหมาะสม 20 บาท

Hooninside.com (วันที่ 25 สิงหาคม 2565)
III : ผลกระทบจากการปิดกิจการ Triple i Railgistics ต่ำมาก
ผลกระทบต่อกำไรจากการยุติ Triple i Railgistics น้อยกว่า 1%
เราคาดข่าวการปิดกิจการ Triple i Railgistics ทำให้ราคาหุ้นลดลง c3% เมื่อวานนี้ อย่างไรก็ตาม เรามองว่าผลกระทบต่อกำไรของ III จะน้อยกว่า 1% ของกำไรโดยรวม ในขณะเดียวกัน ก็ได้ประกาศจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ Sitti Logistics Laos Co., Ltd. เพื่อช่วยด้านการขนส่งทางรางระหว่างประเทศ และเชื่อว่าจะมี upside ต่อกำไรในอนาคต แนะนำ “ซื้อ”
การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ Sitti Logistics Laos ขณะที่ยุติบริษัท Triple i Railgistics
III ประกาศยกเลิกบริษัท Triple i Railgistics Co., Ltd. ที่จัดตั้งขึ้นก่อนหน้านี้ เพื่อดำเนินธุรกิจขนส่งทางรถไฟในประเทศกับ Jong Tungcharoen Transport Group Co., Ltd. และ Power Interfreight Co., Ltd. ในขณะเดียวกันบริษัทได้ร่วมมือกับ Sitti Logistics Laos Co., Ltd. จัดตั้งบริษัทร่วมทุน 51:49 ในนาม TSL Logistics Co., Ltd. เพื่อช่วยด้านการขนส่งทางรางระหว่างประเทศ เชื่อมเส้นทางรถไฟความเร็วสูงสายจีน – สปป. ลาว TSL ได้ลงทะเบียนเสร็จสิ้นแล้ว เมื่อวันที่ 2 ส.ค. ที่ผ่านมา FYI: Sitthi Logistics Lao Co., Ltd. เป็นผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์และคลังสินค้าครบวงจรชั้นนำในประเทศลาว เริ่มประกอบกิจการในปี 2008 โดยเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท Petroleum Trading Lao Public Company ในปี 2013 ได้แยกบริษัทออกมาให้บริการด้านโลจิสติกส์ สำหรับสินค้าหลายประเภทไม่เพียงแค่น้ำมันและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม
ยังคงประมาณการรายได้และกำไร 2022-24F
เราคงประมาณการรายได้และกำไรสุทธิในปี 2022-24F รวมถึง GPM และ SG&A to sales
มูลค่าเหมาะสมไม่เปลี่ยนแปลง 20.00 บาท อิงจาก PER ปี 2022F ที่ 30.3x
มูลค่าเหมาะสมของเราที่ 20.00 บาท โดยอิงจาก PER ปี 2022F ที่ 30.3 เท่า ซึ่งมาจาก PEG 1.5x ของภาคโลจิสติกส์ และ Cagr 2 ปี (2021-23F) ของ III ที่ 20.2% ความเสี่ยง : การพึ่งพาคู่ค้า/ลูกค้าเชิงกลยุทธ์อย่างมาก ความผันผวนในค่าการขนส่งสินค้า การแข่งขันที่รุนแรง และการเปลี่ยนแปลงนโยบายอย่างกะทันหัน
Read more...

III ตั้ง “ทีเอสแอล โลจิสติกส์” ลุยธุรกิจตัวแทนผู้ส่งออก-นำเข้าสินค้า

Kaohoon.com (วันที่ 23 สิงหาคม 2565)
III ยกเลิกจัดตั้งบริษัทร่วมทุน “ทริพเพิล ไอเรลจิสติกส์” แล้วจัดตั้งบริษัทย่อย “ทีเอสแอล โลจิสติกส์” ดำเนินธุรกิจตัวแทนผู้ส่งออกและนำเข้าสินค้าระหว่างประเทศ ทุนจดทะเบียน 10 ลบ. โดย III ถือหุ้นสัดส่วน 51% บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III ระบุว่า ตามที่ได้เผยแพร่ข้อมูลให้นักลงทุนและตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ทราบเรื่องการอนุมัติการจัดตั้งบริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท ทริพเพิล ไอเรลจิสติกส์ จำกัด (TIR) กับกลุ่มบริษัท จงตั้งเจริญ ทรานสปอร์ต กรุ๊ป จำกัด และ บริษัท เพาเวอร์ อินเตอร์เฟรท จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจขนส่งทางรางในประเทศ ความละเอียดปรากฏตามหนังสือที่อ้างถึงนั้น ทั้งนี้บริษัทฯ ได้มีการปรับเปลี่ยนแผนดำเนินงานเพื่อให้สอดคล้องกับโอกาสทางธุรกิจและยุทธศาสตร์ของการเติบโตของบริษัทฯ โดยจะให้บริการขนส่งทางรางให้ครอบคลุมธุรกิจขนส่งทางรางทั้งในประเทศและระหว่างประเทศโดยในส่วนของธุรกิจขนส่งทางรางในประเทศจะดำเนินการโดยกลุ่มบริษัทฯ เอง ซึ่งทำให้ไม่มีการจัดตั้งบริษัทร่วมกับกลุ่มบริษัท จงตั้งเจริญ ทรานสปอร์ต กรุ๊ป จำกัด และ บริษัท เพาเวอร์ อินเตอร์เฟรท จำกัด อีกต่อไป ทั้งนี้ สำหรับธุรกิจขนส่งทางรางระหว่างประเทศ บริษัทฯ ได้มีการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ “Sitthi Logistics Laos Co., Ltd.” (Sitthi) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการบริหารและการจัดการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศโดยเฉพาะการขนส่งทางราง ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยได้จัดตั้งบริษัท ทีเอสแอล โลจิสติกส์ จำกัด (TSL) ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 51 ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด 10 ล้านบาท เพื่อดำเนินธุรกิจตัวแทนผู้ส่งออกและนำเข้าสินค้าระหว่างประเทศ ซึ่ง TSL ได้จดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา
https://www.kaohoon.com/news/553141
Read more...

The Briefcase จากฝ่ายขายเอเจนต์สายเรือ สู่เจ้าของธุรกิจโลจิสติกส์หมื่นล้านในภูมิภาค

รายการ The Briefcase ลงทุนแมน  (วันที่ 18 สิงหาคม 2565) https://www.facebook.com/watch/?v=315506337417367 https://www.youtube.com/watch?v=eYHjSkln6vQ      
Read more...

III มอง H2/65 เข้าไฮซีซั่น หนุนปริมาณขนส่งโต มั่นใจทั้งปีโตตามเป้ากว่า 30%

infoquest.co.th (วันที่ 11 สิงหาคม 2565)

นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (III) คาดผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังจะโตได้ต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรก โดยจะเริ่มเข้าช่วงไฮซีซั่นของการขนส่งตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3/65 หนุนความความต้องการการขนส่งให้ปรับตัวสูงขึ้นทั้งการนำเข้าและส่งออกสินค้ารวมไปถึงธุรกิจโลจิสติกส์ที่เกี่ยวเนื่องเพิ่มมากขึ้นสอดคล้องกับข้อมูลจากสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ ประเมินว่าการส่งออกของไทยในครึ่งปีหลังยังขยายตัวได้ดี จากความต้องการสินค้าเกษตรและอาหารในตลาดโลกเพิ่มขึ้น และการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมยังเติบโตตามการขยายตัวของภาคการผลิตโลก

แต่อย่างไรก็ตามยังต้องยังต้องติดตามสถานการณ์ต่างๆอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นความตึงเครียดระหว่างจีน ไต้หวัน และ สหรัฐ รวมไปถึงภาวะสงครามระหว่างยูเครน และ รัสเซีย ที่อาจจะเข้ามากระทบต่อราคาพลังงานได้เพิ่มเติม นอกจากนี้ยังอาจจะมีความเสี่ยงด้านการชะลอตัวของการบริโภคจากภาวะเงินเฟ้อโลกที่พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออำนาจซื้อของผู้บริโภคทั่วโลกด้วย “แม้ว่าแรงกดดันด้านต้นทุนพลังงาน สงคราม การเมือง และ เงินเฟ้อ จะคลี่คลายไปบ้างแล้วก็ตาม แต่อย่างไรก็ตามยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด หากกลับมาอีกก็จะเป็นผลกระทบได้เพิ่มเติมอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตามในช่วงไตรมาส 3/65 เริ่มเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจจะเป็นปัจจัยหนุนให้ความต้องการขนส่งเพิ่มขึ้นทั้ง ทั้งธุรกิจขนส่งทางอากาศ (Airfreight) กลุ่มธุรกิจการบริหารจัดการโลจิสติกส์  ธุรกิจขนส่งทางเรือ (Seafreight) และธุรกิจโลจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตราย และเคมีภัณฑ์ (Chemical)” นายทิพย์ กล่าว
สำหรับธุรกิจขนส่งทางอากาศ (Airfreight) จะเริ่มเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นในไตรมาส 3/65 หลังจากสายการบินต่างๆจะมีการเพิ่มเที่ยวบิน ทำให้มีพื้นที่ระวางเพิ่มมากขึ้น และการให้บริการคลังสินค้าเร่งด่วน (Express cargo) ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง ที่เริ่มให้บริการแล้วในปลายไตรมาส 2/65 และจะเริ่มรับรู้รายได้เต็มที่ในไตรมาส 3/65 ส่วนด้านบริการขนส่ง Cargo Cross Border ในลักษณะ Truck to Air จะเพิ่มเที่ยวขนส่งจากประเทศในกลุ่มอาเซียน เพื่อส่งออกไปยังเส้นทางยุโรป และสหรัฐมากขึ้น
ด้านธุรกิจขนส่งทางเรือ (Seafreight) ได้เริ่มเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นเช่นกัน แม้ว่าค่าบริการการขนส่งจะปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตามยังถือว่าสูงกว่าช่วงก่อนการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
นอกจากนี้บริษัท บริการภาคพื้น ท่าอากาศยานไทย จำกัด (AOTGA) ผู้ให้บริการภาคพื้นอากาศยาน และผู้โดยสารในท่าอากาศยานภูเก็ต  ยังมีส่วนแบ่งที่ดีขึ้น หลัง 6 เดือนแรกสามารถพลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้ ตามการเปิดประเทศ จากเดิมที่แบกรับภาระขาดทุนมาเกือบ 2 ปีในช่วงโควิด-19 เชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังของปี 65 และปีถัดไปจะสร้างผลตอบแทนมากขึ้นต่อเนื่อง พร้อมทั้งมีแผนขยายการให้บริการในท่าอากาศยาอื่นๆเพิ่มเติม ทั้งบริการคลังสินค้า และนอกจากบริการคลังสินค้า ซึ่ง ล่าสุด ก็ได้เริ่มให้บริการทำความสะอาดภายในท่าอากาศยานที่อยู่ในความดูแลของ AOT ทั้งหมด 6 แห่ง เป็นต้น
ขณะที่การขนส่งทางราง คาดว่าครึ่งปีหลังจะมีงานด้านระบบรางมากขึ้น จากปัจจุบันอยู่ระหว่างทำระบบหลังบ้านให้พร้อมต่อการให้บริการในเรื่องระเบียบการขนส่งผ่านด่านต่างๆ ซึ่งบริษัทคาดว่า จะเริ่มให้บริการได้อย่างเต็มรูปแบบที่จะเชื่อมเส้นทางการขนส่งไทย จีน และ สปป.ลาว ในช่วงปลายปี 65 หลังจากได้เริ่มให้บริการการขนส่งทางรางในประเทศไปแล้ว
ส่วนธุรกิจด้านโลจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ ยังคงสร้างการเติบโตได้ดีต่อ เบื้องต้นบริษัทมีแผนเพิ่มพื้นที่คลังสินค้าอีก 2,000 ตารางเมตร จากเดิม 30,000 ตารางเมตร เพื่อรองรับลูกค้ารายใหม่ที่จะเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าจะเริ่มให้บริการในปลายไตรมาส 3/65 นี้ พร้อมศึกษาคลังสินค้าแบบ Build to suit เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ และลดต้นทุน อีกทั้งในส่วนของบริษัท DG Packaging Pte. Ltd. (DGP)จะเริ่มให้บริการจำหน่ายกล่องสินค้าแบบออนไลน์เพื่อเป็นอีกช่องทางเลือกแก่ลูกค้าในไตรมาส 4/65
บริษัท เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (ANI) ที่บริษัทถือหุ้น 50.4% ซึ่งเป็นตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบินในภูมิภาคเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) คาดว่าภายในไตรมาส 3/65 หรือต้นไตรมาส 4/65 จะสามารถยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นได้ในช่วงต้นปี 66 ซึ่งในอนาคตอาจพิจารณาเข้าไปเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นอีกด้วย
นายทิพย์ เปิดเผยอีกว่า ในช่วงที่เหลือของปี 65 และ ในปี 66 บริษัทจะเน้นผลักดันการร่วมมือทางธุรกิจ (JV) หรือ ซื้อกิจการ (M&A) ให้เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ โดยเฉพาะในส่วนของการขนส่งทางราง ที่หลังจากก่อนหน้านี้ได้เซ็นสัญญาร่วมมือทางธุรกิจกับผู้นำด้านโลจิสติกส์อันดับ 1 ของ สปป.ลาว และ จะทยอยเซ็นสัญญาร่วมมือทางธุรกิจกับพันธมิตรในประเทศจีนให้ได้มณฑลละ 1-2 ราย ซึ่งปัจจุบันได้ดำเนินการสำเร็จไปหลายรายแล้ว
โดยภาพรวมทั้งปีบริษัทยังคงมั่นใจว่ารายได้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ไม่ต่ำกว่า 30% และคาดว่าจะมีกำไรสุทธิทำสถิติสูงสุดใหม่ได้ หลัง6 เดือนแรกมีกำไรสุทธิแล้ว 231 ล้านบาท เติบโต 42.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และมีรายได้จากการขายและให้บริการ 1,466 ล้านบาท เติบโต 15.1% จากการเติบโตในทุกๆธุรกิจ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์
https://www.infoquest.co.th/2022/224065
Read more...

‘ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ ‘ ตอกย้ำยุทธศาสตร์ “Logistics And Beyond” มั่นใจปีนี้ผลงานเด่นตามเป้า!

trjournalnews.com (วันที่ 11 สิงหาคม 2565)

 

บมจ. ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (III) โชว์ผลประกอบการไตรมาส 2/2565 ทุบสถิตินิวไฮอีกครั้งด้วยกำไรสุทธิไตรมาส 2/2565 จำนวน 119.1 ล้านบาท เติบโตโดดเด่นกว่าร้อยละ 39.0 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เดินหน้ากลยุทธ์Logistics and Beyond บริการโลจิสติกส์ที่ครอบคลุมครบวงจร พร้อมดันANI บริษัทตัวแทนขายระวางสายสินค้าทางสายการบินเข้าตลาดหลักทรัพย์ไตรมาสที่ 4

นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าในช่วงครึ่งปีหลังภาพรวมของธุรกิจจะยังเติบโตได้เป็นอย่างดีทั้งในแง่ของรายได้และกำไร โดยเฉพาะในไตรมาส 3/2565 ที่จะมีปริมาณความต้องการใช้บริการธุรกิจขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทั้งการนำเข้าและส่งออกสินค้า รวมไปถึงธุรกิจโลจิสติกส์ที่เกี่ยวเนื่องเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเป็นช่วง High Season สอดคล้องกับข้อมูลจากสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ ประเมินว่าการส่งออกของไทยในครึ่งปีหลังยังขยายตัวได้ดี ด้วยปัจจัยด้านเศรษฐกิจช่วยเกื้อหนุนการส่งออก ได้แก่ ความต้องการสินค้าเกษตรและอาหารในตลาดโลกเพิ่มขึ้น และการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมยังเติบโตตามการขยายตัวของภาคการผลิตโลก แต่อาจมีความเสี่ยงเรื่องการชะลอตัวของการบริโภคจากภาวะเงินเฟ้อโลกที่พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออำนาจซื้อของผู้บริโภคในต่างประเทศ

“บริษัทฯ ยังเชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างผลประกอบการของบริษัทฯ ในปี 2565 ให้เติบโตได้ตามเป้าหมาย ทั้งจากผลการดำเนินงานที่น่าพอใจในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ประกอบกับการดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์ของการเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการรักษาศักยภาพทางการแข่งขันของธุรกิจหลักทั้ง 4 กลุ่มที่เรามีความชำนาญในแต่ละธุรกิจอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นการกระจายความเสี่ยงเพื่อลดการพึ่งพิงธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง รวมถึงแผนการขยายธุรกิจและเพิ่มแหล่งรายได้ใหม่เพื่อต่อยอดธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับโลจิสติกส์ให้ครอบคลุมความต้องการด้านโลจิสติกส์ในทุกมิติ ซึ่งเป็นแผนการเติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้แนวคิด “Logistics and Beyond” ก้าวสู่การเป็นบริษัทโลจิสติกส์ชั้นนำของภูมิภาคเอเชียตามเป้าหมายที่วางไว้” นายทิพย์กล่าว

โดยแนวคิดการเติบโตแบบ “Logistics and Beyond” คือแผนการดำเนินธุรกิจที่ขยายการให้บริการด้านโลจิสติกส์ที่ครอบคลุมความต้องการด้านโลจิสติกส์แบบครบวงจรอย่างแท้จริงทั้งในเชิงกว้างและเชิงลึก ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเครือข่ายธุรกิจด้วยการจับมือพันธมิตรในระดับภูมิภาคเพื่อขยายขอบเขตการให้บริการ การพัฒนาโมเดลธุรกิจและบริการในรูปแบบใหม่ๆ ที่นอกเหนือไปจากบริการเดิมที่บริษัทฯ มีให้บริการอยู่ในปัจจุบัน การพัฒนาแพลมฟอร์ม e-Logistics เพื่อรองรับการเติบโตของตลาด e-Commerce จากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคภายหลังภาวะโรคระบาด รวมไปถึงการต่อยอดบริการด้านโลจิสติกส์เฉพาะทางที่บริษัทฯ เป็นผู้เชี่ยวชาญอยู่แล้ว

นายทิพย์ เผยต่อถึงแผนการนำ บริษัท เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด (ANI) ซึ่งเป็นตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบินในภูมิภาคเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยยังคงพยายามผลักดันให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยคาดว่าจะขอยื่นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในไตรมาส 4 ของปีนี้ จากนั้นจะยื่นจดทะเบียนเพื่อซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นครั้งแรก (IPO) ราวช่วงต้นปีหน้า ซึ่งหาก ANI สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้สำเร็จ จะเป็นบริษัทจดทะเบียนที่ดำเนินธุรกิจเป็นตัวแทนสายการบินระดับภูมิภาครายแรกและรายเดียวในประเทศไทย

สำหรับผลประกอบการ ANI ยังคงสามารถสร้างผลประกอบการได้ตามเป้าหมาย โดยครึ่งปี 2565 ที่ผ่านมามีรายได้จากการให้บริการกว่า 2,759 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิกว่า 245 ล้านบาท โดยมีปริมาณการขนส่งสินค้าทางอากาศที่ทางกลุ่มให้บริการมากกว่า 120,000 ตันในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา และคาดว่า ANI จะสร้างผลงานได้ดีต่อเนื่องทั้งปี นอกจากนี้ จากมาตรการเดินทางเข้าและออกที่เข้มงวดของประเทศจีน ส่งผลให้เที่ยวบินที่มีผู้โดยสารของสายการบินต่างๆ ยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติ จึงเป็นโอกาสที่ดีต่อธุรกิจให้บริการเที่ยวบินแบบขนส่งสินค้าของ ANI

นายทิพย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลประกอบการไตรมาส 2 ที่ผ่านมาของทริพเพิล ไอ นั้นสูงสุด ทั้งที่เป็นไตรมาสที่มีปริมาณการขนส่งสินค้าต่ำสุดเมื่อเทียบกับไตรมาสอื่นของปี สำหรับทิศทางผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังประเมินว่า สถานการณ์ต่างๆ จะดีขึ้น ส่งผลให้มีปัจจัยบวกต่อุรกิจเพิ่มขึ้น ทั้งการเดินทางทั่วโลกที่มีการผ่อนคลายเปิดประเทศมากขึ้น ส่งผลให้ปริมาณเที่ยวบินขนส่งผู้โดยสารระหว่างประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น สถานการณ์ตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลนคลี่คลายลงทำให้บริษัทฯ มีพื้นที่ระวางสินค้าให้บริการได้มากขึ้น และราคาเชื้อเพลิงที่ลดลง ในส่วนของสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างประเทศจีนและไต้หวันคาดว่ายังไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจมากนัก

สำหรับสัดส่วนรายได้ แบ่งเป็น ธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศ 41.7% ธุรกิจขนส่งสินค้าทางทะเล 4.4% ธุรกิจบริหารจัดการโลจิสติกส์ 29.8% และธุรกิจโลจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ 24.1%

https://www.trjournalnews.com/45832

Read more...

III เตรียมนำ ANI เข้าตลาดหุ้นราวต้นปีหน้า- มั่นใจปีนี้โตตามเป้าหมาย

thunhoon.com (วันที่ 11 สิงหาคม 2565)

 

#III #ทันหุ้น-III เตรียมนำ ANI เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายในต้นปีหน้า จะเป็นบริษัทจดทะเบียนที่ดำเนินธุรกิจเป็นตัวแทนสายการบินระดับภูมิภาครายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ในส่วนของผลประกอบการของ III ปีนี้มั่นใจเติบโตได้ตามเป้าหมาย หลังจากที่ไตรมาส 2/65 ทำนิวไฮได้อีกครั้ง แม้ว่าไตรมาสที่ผ่านมาจะมีปัจจัยที่ไม่เอื้ออำนวยต่อธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสภาพเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย มาตรการล็อคดาวน์ของจีนที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจ

นายทิพย์  ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน)  หรือ III เปิดเผยถึงแผนการนำ บริษัท เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด (ANI) ซึ่งเป็นตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบินในภูมิภาคเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยยังคงพยายามผลักดันให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยคาดว่าจะขอยื่นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในไตรมาส 4 ของปีนี้ จากนั้นจะยื่นจดทะเบียนเพื่อซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นครั้งแรก (IPO)  ราวช่วงต้นปีหน้า ซึ่งหาก ANI สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้สำเร็จ จะเป็นบริษัทจดทะเบียนที่ดำเนินธุรกิจเป็นตัวแทนสายการบินระดับภูมิภาครายแรกและรายเดียวในประเทศไทย

สำหรับผลประกอบการ ANI ยังคงสามารถสร้างผลประกอบการได้ตามเป้าหมาย โดยครึ่งปี 2565 ที่ผ่านมามีรายได้จากการให้บริการกว่า 2,759 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิกว่า 245 ล้านบาท โดยมีปริมาณการขนส่งสินค้าทางอากาศที่ทางกลุ่มให้บริการมากกว่า 120,000 ตันในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา และคาดว่า ANI จะสร้างผลงานได้ดีต่อเนื่องทั้งปี นอกจากนี้ จากมาตรการเดินทางเข้าและออกที่เข้มงวดของประเทศจีน ส่งผลให้เที่ยวบินที่มีผู้โดยสารของสายการบินต่างๆ ยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติ จึงเป็นโอกาสที่ดีต่อธุรกิจให้บริการเที่ยวบินแบบขนส่งสินค้าของ ANI

**III ผลประกอบการ Q2/65 เติบโต 

นายทิพย์ กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/65 มีกำไรสุทธิ 119.1 ล้านบาท เติบโตโดดเด่นกว่า 39.0% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และทำสถิตินิวไฮอีกครั้ง ทั้งที่เป็นไตรมาสที่มีปริมาณการขนส่งสินค้าต่ำสุดเมื่อเทียบกับไตรมาสอื่นของปี โดยมีปัจจัยที่ไม่เอื้ออำนวย ไม่ว่าจะเป็นสภาพเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย มาตรการล็อคดาวน์ของจีนที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจ รวมถึงการที่ในไตรมาส 2/2565 บริษัทฯ ต้องตั้งสำรองจากลูกหนี้สายการบินรายหนึ่งกว่า 16 ล้านบาท แต่ด้วยยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจในฐานะผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรอย่างแท้จริง โดยการเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจพื้นฐาน 4 กลุ่มหลัก ประกอบกับการพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ ที่มาจากการเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับโลจิสติกส์ที่ผ่านมาสามารถสร้างส่วนแบ่งกำไรได้ดีอย่างต่อเนื่องตามคาดการณ์

สำหรับทิศทางผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังประเมินว่า สถานการณ์ต่างๆ จะดีขึ้น ส่งผลให้มีปัจจัยบวกต่อุรกิจเพิ่มขึ้น ทั้งการเดินทางทั่วโลกที่มีการผ่อนคลายเปิดประเทศมากขึ้น ส่งผลให้ปริมาณเที่ยวบินขนส่งผู้โดยสารระหว่างประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น สถานการณ์ตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลนคลี่คลายลงทำให้บริษัทฯ มีพื้นที่ระวางสินค้าให้บริการได้มากขึ้น และราคาเชื้อเพลิงที่ลดลง ในส่วนของสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างประเทศจีนและไต้หวันคาดว่ายังไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจมากนัก

“บริษัทฯ ยังเชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างผลประกอบการของบริษัทฯ ในปี 2565 ให้เติบโตได้ตามเป้าหมาย ทั้งจากผลการดำเนินงานที่น่าพอใจในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ประกอบกับการดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์ของการเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจร"ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร III กล่าว

https://www.thunhoon.com/article/259515?fbclid=IwAR2zTicYV7s_o_Le7lIRJQAJ6SLA2_xoeQK02pZS4-184SO11QIKKaSpu2E
Read more...

ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ ปลื้มผลประกอบการ Q2/65 พุ่งนิวไฮอีกรอบ ตอกย้ำยุทธศาสตร์ "Logistics and Beyond" มั่นใจปีนี้ผลงานเด่นเติบโตเข้าเป้า

บมจ. ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (III) โชว์ผลประกอบการไตรมาส 2/2565 ทุบสถิตินิวไฮอีกครั้งด้วยกำไรสุทธิไตรมาส 2/2565 จำนวน 119.1 ล้านบาท เติบโตโดดเด่นกว่าร้อยละ 39.0 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าไตรมาสที่ผ่านมาจะมีปัจจัยที่ไม่เอื้ออำนวยต่อธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสภาพเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย มาตรการล็อคดาวน์ของจีนที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจ รวมถึงการที่ในไตรมาส 2/2565 บริษัทฯ ต้องตั้งสำรองจากลูกหนี้สายการบินรายหนึ่งกว่า 16 ล้านบาท แต่ด้วยยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจในฐานะผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรอย่างแท้จริง โดยการเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจพื้นฐาน 4 กลุ่มหลัก ประกอบกับการพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ ที่มาจากการเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับโลจิสติกส์ที่ผ่านมาสามารถสร้างส่วนแบ่งกำไรได้ดีอย่างต่อเนื่องตามคาดการณ์ นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าในช่วงครึ่งปีหลังภาพรวมของธุรกิจจะยังเติบโตได้เป็นอย่างดีทั้งในแง่ของรายได้และกำไร โดยเฉพาะในไตรมาส 3/2565 ที่จะมีปริมาณความต้องการใช้บริการธุรกิจขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทั้งการนำเข้าและส่งออกสินค้า รวมไปถึงธุรกิจโลจิสติกส์ที่เกี่ยวเนื่องเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเป็นช่วง High Season สอดคล้องกับข้อมูลจากสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ ประเมินว่าการส่งออกของไทยในครึ่งปีหลังยังขยายตัวได้ดี ด้วยปัจจัยด้านเศรษฐกิจช่วยเกื้อหนุนการส่งออก ได้แก่ ความต้องการสินค้าเกษตรและอาหารในตลาดโลกเพิ่มขึ้น และการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมยังเติบโตตามการขยายตัวของภาคการผลิตโลก แต่อาจมีความเสี่ยงเรื่องการชะลอตัวของการบริโภคจากภาวะเงินเฟ้อโลกที่พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออำนาจซื้อของผู้บริโภคในต่างประเทศ “บริษัทฯ ยังเชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างผลประกอบการของบริษัทฯ ในปี 2565 ให้เติบโตได้ตามเป้าหมาย ทั้งจากผลการดำเนินงานที่น่าพอใจในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ประกอบกับการดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์ของการเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการรักษาศักยภาพทางการแข่งขันของธุรกิจหลักทั้ง 4 กลุ่มที่เรามีความชำนาญในแต่ละธุรกิจอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นการกระจายความเสี่ยงเพื่อลดการพึ่งพิงธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง รวมถึงแผนการขยายธุรกิจและเพิ่มแหล่งรายได้ใหม่เพื่อต่อยอดธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับโลจิสติกส์ให้ครอบคลุมความต้องการด้านโลจิสติกส์ในทุกมิติ ซึ่งเป็นแผนการเติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้แนวคิด “Logistics and Beyond” ก้าวสู่การเป็นบริษัทโลจิสติกส์ชั้นนำของภูมิภาคเอเชียตามเป้าหมายที่วางไว้” นายทิพย์กล่าว โดยแนวคิดการเติบโตแบบ "Logistics and Beyond" คือแผนการดำเนินธุรกิจที่ขยายการให้บริการด้านโลจิสติกส์ที่ครอบคลุมความต้องการด้านโลจิสติกส์แบบครบวงจรอย่างแท้จริงทั้งในเชิงกว้างและเชิงลึก ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเครือข่ายธุรกิจด้วยการจับมือพันธมิตรในระดับภูมิภาคเพื่อขยายขอบเขตการให้บริการ การพัฒนาโมเดลธุรกิจและบริการในรูปแบบใหม่ๆ ที่นอกเหนือไปจากบริการเดิมที่บริษัทฯ มีให้บริการอยู่ในปัจจุบัน การพัฒนาแพลมฟอร์ม e-Logistics เพื่อรองรับการเติบโตของตลาด e-Commerce จากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคภายหลังภาวะโรคระบาด รวมไปถึงการต่อยอดบริการด้านโลจิสติกส์เฉพาะทางที่บริษัทฯ เป็นผู้เชี่ยวชาญอยู่แล้ว นายทิพย์ เผยต่อว่าแผนการนำ บริษัท เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด (ANI) ซึ่งเป็นตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบินในภูมิภาคเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยยังคงพยายามผลักดันให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยคาดว่าจะขอยื่นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในไตรมาส 4 ของปีนี้ จากนั้นจะยื่นจดทะเบียนเพื่อซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นครั้งแรก (IPO) ราวช่วงต้นปีหน้า ซึ่งหาก ANI สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้สำเร็จ จะเป็นบริษัทจดทะเบียนที่ดำเนินธุรกิจเป็นตัวแทนสายการบินระดับภูมิภาครายแรกและรายเดียวในประเทศไทย สำหรับผลประกอบการ ANI ยังคงสามารถสร้างผลประกอบการได้ตามเป้าหมาย โดยครึ่งปี 2565 ที่ผ่านมามีรายได้จากการให้บริการกว่า 2,759 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิกว่า 245 ล้านบาท โดยมีปริมาณการขนส่งสินค้าทางอากาศที่ทางกลุ่มให้บริการมากกว่า 120,000 ตันในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา และคาดว่า ANI จะสร้างผลงานได้ดีต่อเนื่องทั้งปี นอกจากนี้ จากมาตรการเดินทางเข้าและออกที่เข้มงวดของประเทศจีน ส่งผลให้เที่ยวบินที่มีผู้โดยสารของสายการบินต่างๆ ยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติ จึงเป็นโอกาสที่ดีต่อธุรกิจให้บริการเที่ยวบินแบบขนส่งสินค้าของ ANI นายทิพย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลประกอบการไตรมาส 2 ที่ผ่านมาของทริพเพิล ไอ นั้นสูงสุด ทั้งที่เป็นไตรมาสที่มีปริมาณการขนส่งสินค้าต่ำสุดเมื่อเทียบกับไตรมาสอื่นของปี สำหรับทิศทางผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังประเมินว่า สถานการณ์ต่างๆ จะดีขึ้น ส่งผลให้มีปัจจัยบวกต่อุรกิจเพิ่มขึ้น ทั้งการเดินทางทั่วโลกที่มีการผ่อนคลายเปิดประเทศมากขึ้น ส่งผลให้ปริมาณเที่ยวบินขนส่งผู้โดยสารระหว่างประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น สถานการณ์ตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลนคลี่คลายลงทำให้บริษัทฯ มีพื้นที่ระวางสินค้าให้บริการได้มากขึ้น และราคาเชื้อเพลิงที่ลดลง ในส่วนของสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างประเทศจีนและไต้หวันคาดว่ายังไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจมากนัก
Read more...